ระบบช่วยเหลือการขับขี่ของ Tesla (เทสลา) อย่าง Autopilot ทำให้ผู้ใช้งานรถยนต์ของเทสลาสะดวกสบายยิ่งขึ้น ลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ และเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน

แต่ในขณะเดียวกันระบบนี้ก็ทำให้ผู้ใช้งานปล่อยปละละเลย รวมถึงความบกพร่องของระบบเอง ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น

จนองค์กรบริหารความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐอเมริกา (NHTSA) ได้เคยไล่บี้ให้เทสลาเรียกรถคืนเพื่อเปลี่ยนตัวระบบ Autopilot

แต่เทสลาเองต้องการที่จะแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์กว่านั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับรถ

อ่านเพิ่มเติม : Tesla ใจดี อาจให้ค่ายรถยนต์อื่นยืมระบบ Autopilot แต่จะดีจริงหรือเมื่อยังมีอุบัติเหตุให้เห็น

มาตรฐานการทดสอบการชนทั่วโลกจะเน้นที่ประสิทธิภาพของรถในการชนที่กำหนดไว้จำนวนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม วิศวกรของเทสลาระบุว่าไม่มีการชนครั้งใดที่เหมือนกัน

ดังนั้นทางเทสลาจึงใช้วิธีเก็บข้อมูลจากรถยนต์เทสลาที่ออกสู่ตลาดไปแล้วในตัวเลขเกือบ 1 ล้านคัน มาช่วยในการปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น

จากข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้สร้างระบบจำลองการชนล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ระหว่างรถเทสลากับรถคันคู่กรณี ลงลึกถึงระดับมิลลิเมตร

ทำให้คาดการณ์ความเร็วและองศาของการชนได้ และปล่อยให้ถุงลมนิรภัยทำงานเฉพาะตำแหน่งที่จำเป็นและเหมาะสม

จากการทดสอบการชนล่าสุดระหว่างรถปิ๊กอัพกับ Tesla Model Y โดยชนที่บริเวณซ้ายของตัวรถหรือบริเวณตำแหน่งคนขับ

และจากคำกล่าวของวิศวกรเทสลา ระบบเซฟตี้ใช้เวลาเพียง 10 มิลลิวินาทีในการระบุว่าการชนที่เกิดขึ้นเป็นแบบใด และตัดสินใจในทันที และตัดสินใจให้ airbag ทำงานเฉพาะฝั่งที่จำเป็น(ฝั่งคนขับ)เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การทดสอบนี้ไม่ได้ถูกกำหนดโดยมาตรฐานของ NHTSA และสถาบันประกันภัยเพื่อความปลอดภัยบนทางหลวง(IIHS)

แสดงว่าระบบของเทสลาสามารถระบุได้ว่ารถของตนจะทำงานอย่างไรในสภาวะการชนที่อยู่นอกเหนือจากมาตรฐานที่กำหนด

อ่านเพิ่มเติม : Tesla กำลังจะใช้อุปกรณ์เหมือน ORA Good Cat เพื่อลดต้นทุนในการผลิตรถยนต์รุ่นมาตรฐาน