โตโยต้า ค่ายรถยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย เปิดตัว 2020 โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ มีให้เลือกถึง 40 รุ่นย่อย เคาะราคาเริ่มต้น 5.37 แสนบาทในรุ่นแค็บและแชสซีส์ 2.4 Entry MT ไปจนถึงรุ่นสูงสุด ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ รุ่นดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.8 AT ราคา 1.239 ล้านบาท ซึ่งรุ่นท็อปนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ พละกำลัง 205 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว ร็อคโค่ เป็นรถกระบะระดับบน เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา รถกระบะรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.8 ลิตร ส่วนไฮลักซ์ รีโว ร็อค รุ่นย่อยอื่น ๆ มีขุมพลังอีก 3 รุ่นให้เลือก คือดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร พละกำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตรและ 400 นิวตันเมตร ตลอดจนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตร พละกำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร มีน้ำหนักตัวรถประมาณ 2,080 กก. โตโยต้า เคลมว่า ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ใหม่ประหยัดยิ่งขึ้นจึงน่าจะมีอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 13 – 14 กม.ต่อลิตร
ไฮไลท์ของการเปิดตัว 2020 โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ (New 2020 Toyota Hilux REVO) ในประเทศไทยเมื่อวานนี้ ได้แก่การเปิดตัวรุ่นพิเศษตัวท็อปอย่างร็อคโค่ (Rocco) ที่มาพร้อมชุดแต่งพิเศษมากมายรอบคันรถ และราคาจำหน่ายในรุ่นท๊อปที่ 1.239 ล้านบาท
หากนับแต่กลุ่มตระกูลร็อคโค่เพียงอย่างเดียวนั้น โตโยต้ามีรุ่นย่อยให้เลือก 4 รุ่น ประกอบไปด้วยรุ่นสมาร์ทแค็บ เครื่องยนต์ 2.4 ลิตรและ 2.8 ลิตร และรุ่นดับเบิลแค็บ 4 ประตู ที่มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 รุ่นเช่นเดียวกัน เรียกว่าออกมาเพื่อเน้นกลุ่มท็อปของตลาดปิกอัพอย่างแท้จริง
ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ โฉมล่าสุดถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ก่อนหน้านี้ มีการทำชุดแต่งออกมาเพื่อปรับโฉมของรถปิกอัพของโตโยต้าให้มีความดุดันอย่างเหนือชั้นมากขึ้น และการกลับมาในครั้งนี้ โตโยต้าก็อัดของเล่นใหม่ ๆ มาอย่างเต็มพิกัด โดยเฉพาะรุ่นท็อปอย่าง 2.8 ร็อคโค่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ได้ทั้งหล่อทั้งแรง
และเพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลา เราจะพาทุกท่านไปพบกับการทดสอบโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ รุ่นท็อป เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของรถกระบะรุ่นท๊อปของโตโยต้า ว่าจะสามารถต่อกรกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาดได้ใกล้เคียงมากขึ้นหรือไม่
ราคาจำหน่าย New 2020 Toyota Hilux REVO Rocco ในประเทศไทย |
Toyota Hilux REVO Rocco 2.4L Prerunner Smart Cab |
9.49 แสนบาท |
Toyota Hilux REVO Rocco 2.8L 4WD Smart Cab |
1.079 ล้านบาท |
Toyota Hilux REVO Rocco 2.4 Prerunner Double Cab |
1.079 ล้านบาท |
Toyota Hilux REVO Rocco 2.8L 4WD Double Cab |
1.239 ล้านบาท |
รายละเอียดทางเทคนิค New 2020 Toyota Hilux REVO Rocco 2.8L 4WD Double Cab
รุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร |
ความกว้าง (มิลลิเมตร) |
1,855 |
ความยาว (มิลลิเมตร) |
4,795 |
ความสูง (มิลลิเมตร) |
1,835 |
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) |
2,750 |
เครื่องยนต์ |
1GD-FTV |
ปริมาตรกระบอกสูง (ซีซี.) |
2,755 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) |
204/3,400 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) |
500/1,600-2,800 |
ระบบส่งกำลัง |
อัตโนมัติ 6 จังหวะ |
ระบบขับเคลื่อน |
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ |
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) |
80 |
เพิ่มออพชั่นมากมาย ทั้งภายนอกและภายในที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
สำหรับรุ่นท๊อปของไฮลักซ์ รีโว่ โฉมใหม่ล่าสุด มาพร้อมค่าตัวที่ปรับขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 3.6 หมื่นบาท แพงกว่ารุ่นรองท็อปถึง 1.7 แสนบาท แต่หากมานั่งไล่ว่าโตโยต้าอัดอะไรเพิ่มเข้าไปในตัวรถบ้างแล้วนั้น ก็ต้องร้องอู้ฮูออกมาในใจ
เพราะทีมออกแบบและทีมวิศวกรที่นำทัพโดยชาวไทยในครั้งนี้ ไม่ได้คิดแค่เรื่องของการเสริมหล่อหรือการเพิ่มขีดความสามารถในการขับขี่แต่อย่างเดียว แต่พวกเขามองในภาพรวมทั้งหมดว่าจะทำอย่างไรให้รถของพวกเขานั้น ไม่ได้เป็นแค่ปิกอัพที่ใส่ชุดแต่งเพียงอย่างเดียวเหมือนที่ใครใครชอบทำกัน
โตโยต้าก็เลยจัดเต็มเพิ่มชุดแต่งใหม่รอบคัน เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ใส่อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยเข้ามาอย่างเต็มที่ และพยายามทำราคาให้อยู่ในระดับที่ไม่ดุดันเกินไป ผลก็คือไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ รุ่นท็อปยังคุมราคาให้ไม่โดดไปเป็นผู้นำทางด้านราคาของตลาดปิกอัพได้
นอกจากนั้น โตโยต้าก็แก้ปัญหาเรื่องความอืดของเครื่องยนต์ 2.8 ลิตรได้เป็นที่เรียบร้อย ด้วยการเพิ่มพละกำลังให้กับเครื่องยนต์ตัวท็อปให้ออกไปพร้อมลุยมากขึ้น และทำการปรับปรุงให้พร้อมสำหรับการออกไปลุยเส้นทางออฟโรดมากขึ้นเช่นกัน
ภายนอกปรับมาดุดันแบบกระบะอเมริกัน
หลาย ๆ เสียงระบุว่ารถคันนี้มองผ่าน ๆ ชักจะหน้าตาเหมือนพี่เบิ้มอย่างโตโยต้า ทาโคม่า (Toyota Tacoma) ที่ทำตลาดในต่างประเทศเข้าไปทุกที ซึ่งเอาจริง ๆ ก็เห็นด้วยนะครับ ว่าหน้าตารถเริ่มกระเดียดออกไปทางอเมริกันมากขึ้น ซึ่งก็เหมาะที่จะเอาไปฟาดฟันกับเจ้ากระบะอเมริกันพันธุ์แกร่งของแท้ได้หน่อย
นอกจากเพิ่มสีตัวถังภายนอกสีเทาเขียวมาใหม่ พร้อมกับปรับสีแดงใหม่มาใช้สีแดงสว่างอีโมชั่นแนล เรด ร็อคโค่ยังมาพร้อมกุญแจสมาร์ทคีย์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับดีไซน์เฉพาะสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของจะไม่เอากุญแจไปหลงลืมปะปนกับคนอื่น
การเปลี่ยนแปลงชุดด้านหน้า ประกอบไปด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ เก๋ไก๋ด้วยไฟตัดหมอกทรงกลมที่ติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งมุมกันชนพอดี ไฟหน้าดีไซนใหม่แบบโปรเจคเตอร์ ไบ-บีม แอลอีดี ชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบแอลอีดี ไลท์ ไกด์ดิ้ง
ชุดตกแต่งกันชนหน้า ชุดตกแต่งซุ้มล้อออกแบบมาใหม่เน้นความสปอร์ตดุดัน กันชนด้านหลังก็ปรับให้เข้ากับตัวรถในภาพรวม มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่เลือกใช้ยางแบบตัวอักษรสีขาว เพื่อเอาใจขาออฟโรดที่ชอบความโดดเด่นบนท้องถนน
ภายในเน้นความสวยงามผสานอรรถประโยชน์
ถ้าการเปลี่ยนแปลงภายนอกเพื่อทำให้รถคันนี้ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงภายในห้องโดยสารก็คือการทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่อนคลาย ลดความเหนื่อยล้าในการนั่งรถนาน ๆ และมีของเล่นใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้การเดินทางเป็นไปได้อย่างสนุกสนาน
มาตรวัดออพตริตรอนได้รับการออกแบบใหม่ให้สามารถแสดงผลข้อมูลได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เครื่องเสียงมาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์และแอนดรอยด์ ออโต้ เพิ่มความง่ายดายในการสรรหาความบันเทิงมารองรับตลอดการเดินทาง
นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้เพิ่มช่องชาร์จไฟแบบเอซี 220 โวลท์เป็นครั้งแรก 1 ตำแหน่ง ใช้งานง่ายดายด้วยสวิชท์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ลำโพงเสียงกระหึ่ม 6 ตำแหน่ง และเป็นครั้งแรกกับระบบที-คอนเนคต์ เทเลมาติกส์ ที่ช่วยเหลือและดูแลเรื่องบริการให้อย่างครบวงจร
เบาะที่นังทั้งหมดนั้นเป็นเบาะหุ้มหนังสีทูโทนเทาสลับดำ โดยเบาะที่นั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง เบาะตอนหลังพับได้ 60:40 แบบยกพับขึ้น มีช่องเก็บของและที่วางน้ำเพียงพอสำหรับทุกคน
เพิ่มและปรับอุปกรณ์-ระบบ เพื่อการใช้งานที่ดีเยี่ยม
โตโยต้านั้นมั่นใจกับการพัฒนารถกระบะรุ่นนี้ของทีมงานไทยมาก เพราะตลาดประเทศไทยเป็นตลาดปิกอัพ 1 ตันที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขาได้ทำการเก็บข้อมูลจากลูกค้า และนำมาปรับปรุงแก้ไขกันทีละจุด เพื่อให้ได้รถที่ตอบสนองความต้องการได้ทุกรูปแบบ
เมื่อลูกค้าบอกว่าด้านหลังมันกระเด้งกระดอนไป พวกเขาก็ปรับช่วงล่างใหม่ ด้วยการเปลี่ยนโช็คอัพที่รองรับแรงสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น ถอดแหนบออกให้เหลือ 3 แผ่นจากเดิม 5 แผ่น แล้วไปเพิ่มความแข็งแรงด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงมากขึ้น เพื่อให้ได้รถที่นุ่มขึ้นแต่ยังทนทานเหมือนเดิม
เมื่อบอกว่ารถยังขับไม่สนุกและดูโคลง ๆ ที่ความเร็วสูง ระบบ VFC (Variable Flow Control) ระบบพวงมาลัยที่แปรผันตามความเร็วของตัวรถก็ถูกติดตั้งเข้ามา หรือแม้แต่เมื่อมีคนบ่นว่ากระบะหนักเปิดปิดยาก ก็มีการเพิ่มระบบผ่อนแรงเปิด-ปิดฝากระบะท้ายมาให้
และเป็นอีกครั้งที่โตโยต้าเพิ่มระบบ Toyota Safety Sense ให้กับรถกระบะของพวกเขา โดยระบบดังกล่าวจะประกอบด้วย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และระบบเตือนกันชนด้านหน้า ทำให้รถคันนี้มีความปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเติมของเล่นใหม่ ๆ เข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา สัญญานกะระยะช่วยจอดด้านท้ายและมุมกันชนหน้า-หลัง เรียกว่าติดมาให้ครบแบบไม่ต้องคิดทำอะไรเพิ่มเติมกันเลย
เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนเพื่อการลุยทุกสภาพถนน
แม้จะเป็นรถที่แต่งมาหล่อเป็นพิเศษ แต่หากมองในแง่ของสมรรถนะแล้ว ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ ก็คือรถที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะสูง และมีความพร้อมสำหรับการขับขี่บนถนนทุกรูปแบบ แม้ว่าในท้ายที่สุด เจ้าของจะเลือกใช้งานแต่บนถนนเป็นหลักก็ตาม
เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 1GD-FTV ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยเจ้าเครื่องยนต์ 2,755 ซีซี. วีเอ็น-เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที โดยมีพละกำลังเพิ่มขึ้น 27 แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร
จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ รุ่นท็อปมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ดิฟฟ์ล็อก ที่ลดอาการกระชากยามออกตัว ลดรอบเดินเบาจาก 850 รอบต่อนาทีเหลือ 680 รอบต่อนาที เพื่อการลุยออฟโรดที่ราบรื่น พร้อมปรับจูนเครื่องยนต์ให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
พละกำลังและการประหยัดน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมานั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนหัวฉีดคอมมอนเรลแบบฉีดตรงมาใช้แบบ i-ART ตัวรถควบคุมได้ง่ายขึ้นด้วย Auto Limited Slip Differential แก้ปัญหาการติดหล่มและล้อหมุนฟรี เรียกว่าจะใช้งานบนสภาวะไหนก็ทำได้อย่างง่ายดาย
ปรับมาขนาดนี้ ถ้าเงินถึงก็ซื้อเถอะ
สนนราคาค่าตัว 1.239 ล้านบาทของ New 2020 Toyota Hilux REVO Rocco นั้น หากกวาดตาไปทั้งตลาดก็เป็นรองเพียงแค่ New 2020 Ford Ranger 2.0L Bi-Turbo Wildtrak ที่วางราคาค่าตัวไว้ที่ 1.265 ล้านบาทเพียงคันเดียวเท่ากัน
การพัฒนารถให้มีหน้าตาดุดัน เพิ่มออพชั่นให้มีความหลากหลาย สมรรถนะของเครื่องยนต์มองด้วยตัวเลขอาจจะยังแพ้นิดหน่อย (ฟอร์ด เรนเจอร์ ให้กำลัง 213 แรงม้าและแรงบิด 500 นิวตันเมตร) แต่ด้วยความเป็นโตโยต้านั้น คนที่เลือกซื้อสามารถมองข้ามเรื่องนี้ไปได้สบาย ๆ
ระบบที่ติดตั้งเข้ามาใหม่นั้นถือว่าไม่ได้แพ้อะไรใครแล้ว และมีบางอย่างที่เพิ่มขึ้นให้ลูกค้ามากกว่าอีกด้วย ใครที่สนใจรถปิกอัพกลุ่มพรีเมียมน่าจะดีใจที่มีผู้เล่นรายใหม่ที่น่าสนใจเข้ามาในท้องตลาดเพิ่มขึ้น แม้หลาย ๆ คนจะบอกว่าปิกอัพราคาเกินล้านเป็นตลาดที่ไม่น่าเล่น แต่เชื่อไหมว่าเป็นตลาดที่เติบโตทุกปีแบบต่อเนื่องนะ
เมื่อโตโยต้าตั้งใจทำรถโดยคนไทยเพื่อให้คนทั่วโลกใช้ พวกเขาตัดสินใจลบจุดด้อยและสร้างจุดแข็งของตัวเองเพิ่มเติมเข้าไปอีก งานนี้ก็เหลือแค่ผู้บริโภคที่จะต้องตัดสินใจแล้วว่า อยากได้รถคันนี้หรือไม่ และจะทำให้โตโยต้าสมหวังคว้าแชมป์ยอดจำหน่ายรถปิกอัพไปครองได้หรือเปล่าในปีนี้