โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) อัครยานยนต์แห่งความหรูหรา เปิดตัว New 2020 Rolls-Royce Black Badge Cullinan (2020 โรลส์-รอยซ์ แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน) ครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยเครื่องยนต์ที่ได้อัพเกรดเพิ่มสมรรถนะ การตกแต่งพิเศษรอบคันทั้งภายนอกและภายในตัวรถ
แนวคิดในการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการอย่างลึกซึ้งในการเดินทางเผื่อแฝงกายไปเป็นส่วนหนึ่งของความมืดมิดยามราตรี แต่ต้องรักษาความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ เอาไว้อย่างเพียบพร้อม ให้สมกับเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ที่หรูหราระดับต้น ๆ ของโลก
ไม่ใช่แค่เรื่องการออกแบบที่โดดเด่นในทุกมิติเท่านั้น รถคันนี้ยังมาพร้อมโครงสร้างทางวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม นับตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้างของรถ การพัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่โดดเด่น ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าแม้จะอยู่ในซาลูนขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่แพ้ใครเรื่องความเร็วแน่นอน
ราคาจำหน่าย New 2020 Rolls-Royce Black Badge Cullinan
2020 โรลส์-รอยซ์ แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน เปิดราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 37.8 ล้านบาท
ตารางรายละเอียดทางเทคนิค 2020 โรลส์-รอยซ์ แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน |
มิติตัวถัง (กว้างxยาวxสูง) (มิลลิเมตร) |
2,164x5,341x1,835 |
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) |
3,295 |
ที่เก็บสัมภาระ (ลิตร) |
600 |
เครื่องยนต์ |
เบนซิน วี12 ขนาด 6.75 ลิตร |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) |
592/5,000 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) |
900/1,700 |
ระบบส่งกำลัง |
อัตโนมัติ 8 จังหวะ |
ระบบขับเคลื่อน |
ขับเคลื่อน 4 ล้อ |
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (วินาที) |
5.0 |
ความเร็วสูงสุด (กิโลเมตร/ชั่วโมง) |
250 |
ลุยน้ำลึกสุด (มิลลิเมตร) |
540 |
ภายนอกสวยงามทรงพลัง
เอสยูวีรุ่นแรกของค่ายที่ตั้งชื่อตามเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการขุดค้นพบมา มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกมากถึง 4.4 หมื่นเฉดสี แต่ลูกค้ามักจะเลือกสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น ซึ่งสีดำพิเศษนี้ จะต้องผ่านการพ่นอย่างประณีตหลายชั้น และขัดด้วยมือถึง 10 รอบ พร้อมรองรับการวาดเส้นด้วยมือ
สัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยโครเมียมรมดำเคลือบผิวไฮกลอส ใช้วัสดุเดียวกันที่ฐานของนางฟ้าเป็นครั้งแรกโลโก้ RR รอบคัน เปลี่ยนเป็นลายเส้นสีเงินบนพื้นดำ กรอบกระจังหน้า กรอบหน้าต่าง มือจับประตูและฝาท้าย กรอบช่องดักอากาศด้านล่าง รวมถึงท่อไอเสียถูกพ่นสีเข้ม
กระจังหน้ารถแม้จะเป็นสีดำ แต่ยังคงความเงางาม ทำให้เด่นชัดขึ้นด้วยกรอบสีดำโดยรอบ เพิ่มความเด่นชัดของการเคลื่อนไหว ซึ่งโดยรวมของการออกแบบภายนอกนั้น เน้นความโดดเด่นและเงียบขรึม แต่แฝงด้วยเทคนิดระดับสูงในการออกแบบอย่างครบครัน ให้สมกับชื่อชั้นของแบรนด์
ห้องโดยสารสวยงามโดดเด่น
ผู้เชี่ยวชาญของโรลส์-รอยซ์ ได้คัดสรรองค์ประกอบทางวิศวกรรมมานำเสนอ โดยผสมผสานความสะดวกสบายขั้นสูงสุด สุนทรียภาพ วัสดุที่ล้ำสมัย เข้ากับงานฝีมืออันวิจิตรบรรจง ด้วยการติดตั้งแผงวีเนียร์เทคนิคัลคาร์บอน โดยถักทอคาร์บอนไฟเบอร์ให้เป็นลวดลายเรขาคณิต ก่อเกิดพื้นผิว 3 มิติอันทรงพลัง
เทคนิคัลคาร์บอน 23 ชิ้น เคลือบแลกเกอร์ 6 ชั้น ก่อนถูกพักไว้ 72 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำมาขัดด้วยมือ จนเรียบเนียนเหมือนกระจก ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลา 21 วัน และผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยเหล่าช่างฝีมือ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความเงางามสม่ำเสมอกันทั้งชิ้น สมกับที่ติดตั้งอยู่ในคัลลิแนน
เพดาน Starlight Headliner ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร ด้วยแสงเรืองรองที่ส่องลงบนเเพดานหนังแท้สีดำ ให้แสงสว่างจากเส้นไยไฟเบอร์ออฟติกที่ร้อยด้วยมือจำนวน 1,344 จุด สะท้อนบรรยากาศท้องฟ้ายามราตรี ลูกเล่นดาวตกสีขาวจำนวน 8 ดวง ที่พุ่งผ่านเพดานหลากทิศทาง
แบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน มอบทางเลือกสำหรับการตกแต่งห้องโดยสารแบบไร้ขีดจำกัด โดยรถคันที่นำมาเปิดตัว ใช้หนังแท้สีเหลืองสด ฟอร์จ เยลโลว ซึ่งสามารถนำไปใช้ตามจุดต่าง ๆ ของห้องโดยสารได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งชมวิวหรือบริเวณพื้นที่เก็บสัมภาระ ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์
ทีมออกแบบของค่ายเลือกติดตั้งสัญลักษณ์อินฟินิตี ปักลงบนที่พักแขนแบบพับได้บริเวณเบาะหลัง สัญลักษณ์อันเรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้ ยังถูกใช้สลักบนแผ่นโลหะเรืองแสง และบนกรอบโลหะสีเข้มของนาฬิกา ซึ่งปลายเข็มนาฬิกาสีแดงและหน้าปัด ล้วนสะท้อนถึงพลังอันน่าเกรงขาม
โครงสร้างและเครื่องยนต์อันเลื่องชื่อ
โครงสร้างแพลตฟอร์มอะลูมิเนียมทั้งหมดของโรลส์-รอยซ์ ที่มีชื่อเรียกว่า Architecture of Luxury ถูกนำมาใช้กับคัลลิแนนเป็นรุ่นที่ 2 ของค่าย ให้ความแข็งแกร่งแต่ยืดหยุ่น รองรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ มาพร้อมระบบช่วงล่างพรมวิเศษ Magic Carpet Ride อันลือชื่อ
เครื่องยนต์เบนซิน ทวินเทอร์โบ วี12 สูบ ขนาด 6.75 ลิตร ผ่านการปรับแต่งเพิ่มกำลังจากรุ่นปกติ 29 แรงม้าและ 50 นิวตันเมตร ทำให้มีกำลังสูงสุด 592 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิด 900 นิวตันเมตรที่ 1,700 รอบต่อนาที ติดตั้งระบบไอเสียแบบใหม่ ให้เสียงหนักแน่นและทรงพลัง
การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ควบคุมผ่านดาวเทียม ช่วงล่างถุงลมที่นุ่มนวล สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 5 วินาที พร้อมล็อกความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีความสามารถในการลุยน้ำลึกถึง 540 มิลลิเมตร