มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นำเสนอ 2019 มิตซูบิชิ ไทรทัน ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่รุ่นซิงเกิ้ลแค็บ 2.5 GL 5MT ตัวเตี้ย ราคา 5.35  แสนบาทไปจนถึงรุ่นสูงสุด รุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4WD ATHLETE AT ราคา 1.146 ล้านบาท โดยรุ่นตัวเตี้ย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ กำลัง 128 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ส่วนไทรทันรุ่นปกติใช้เครื่องยนต์ดีเซล MIVEC 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร  เทอร์โบแปรผัน  พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร

2019 มิตซูบิชิ ไทรทัน เป็นรถกระบะที่ได้รับการเปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ในช่วงปลายปี 2561 โดยรุ่นเครื่องยนต์ตัวท็อปดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตรมีความประหยัดน้ำมันโดยเฉลี่ยประมาณ 11 – 12 กม.ต่อลิตร

การปรับโฉม Mitsubishi Triton แบบบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ในช่วงปลายปี 2561 (2018) ทำให้รถกระบะแบรนด์รองรุ่นนี้ทำยอดขายได้อย่างยอดเยี่ยมและช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น

ความโดดเด่นของ Triton คือรูปลักษณ์ด้านหน้าที่ใช้ซิกเนเจอร์ Advanced Dynamic Shield ดีไซน์คล้ายโล่ให้ภาพลักษณ์บึกบึนแข็งแกร่งผสมผสานกับความรู้สึกปลอดภัย Advanced Dynamic Shield ยังถูกใช้กับรถรุ่นอื่นร่วมค่ายทั้ง Pajero Sport, Xpander, Xpander Cross และล่าสุดคือ Mirage โฉมใหม่ แต่ดูแล้วเหมาะกับรถกระบะมากที่สุดเพราะช่วยเสริมความเข้มแข็งอย่างชัดเจน

Mitsubishi Triton มีราคาจำหน่ายดังนี้

ตัวถังตอนเดียว

ซิงเกิ้ลแค็บ 2.5 GL 5MT (ตัวเตี้ย) ราคา 535,000 บาท

รุ่นซิงเกิ้ลแค็บ 4WD 2.4 GL 6MT ราคา 654,000 บาท

รุ่นซิงเกิ้ลแค็บ 4WD 2.4 GL 6AT ราคา 699,000 บาท

ตัวถัง 2 ประตู

รุ่นเมกะแค็บ 2.5 GL 5MT (ตัวเตี้ย) ราคา 602,000 บาท

รุ่นเมกะแค็บ 2.5 GLX 5MT (ตัวเตี้ย) ราคา 632,000 บาท

รุ่นเมกะแค็บ พลัส 2.4 GLX 6MT ราคา 689,000 บาท

รุ่นเมกะแค็บ พลัส 2.4 GLS 6MT ราคา 729,000 บาท

รุ่นเมกะแค็บ พลัส 2.4 GT 6MT ราคา 779,000 บาท

รุ่นเมกะแค็บ พลัส 2.4 GT 6AT ราคา 829,000 บาท

ตัวถัง 4 ประตู

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ 2.5 GLX 5MT (ตัวเตี้ย) ราคา 682,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พลัส 2.4 GLX 6MT ราคา 779,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พลัส 2.4 GLS 6MT ราคา 819,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พลัส 2.4 GT 6MT ราคา 878,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พลัส 2.4 GLS 6AT ราคา 882,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พลัส 2.4 GT 6AT ราคา 928,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พลัส 2.4 GT Premium 6MT ราคา 935,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พลัส 2.4 GT Premium 6AT ราคา 988,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4WD 2.4 GLS 6MT ราคา 935,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พลัส ATHLETE AT ราคา 1,035,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4WD 2.4 GT Premium 6MT ราคา 1,041,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4WD 2.4 GT Premium 6AT ราคา 1,099,000 บาท

รุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4WD ATHLETE AT ราคา 1,146,000 บาท

มิติตัวถัง

ขนาดตัวถังของรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตูมีความยาว 5,300 มม. กว้าง 1,815 มม. สูง 1,795 มม. ระยะฐานล้อ 3,000 มม. และระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 220 มิลลิเมตร

ไฮไลท์

Mitsubishi ยังภูมิใจนำเสนอ Triton ATHLETE มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษพร้อมติดตั้งในราคา 32,000 บาท โดดเด่นด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Bi-LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED หลังคาสีดำสติกเกอร์ด้านข้างตัวรถลายสปอร์ต สัญลักษณ์ ATHLETE บนฝากระบะท้าย วัสดุหุ้มเบาะแบบหนังและหนังสังเคราะห์ พร้อมสัญลักษณ์ ATHLETE ชุดตกแต่งกันชนหน้าสีดำแบบสปอร์ต  สไตล์ลิ่งบาร์ ชุดพื้นปูกระบะ และพรมรองพื้นห้องโดยสาร พร้อมสัญลักษณ์ ATHLETE

การออกแบบภายนอก

หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของ Mitsubishi Triton คือรูปลักษณ์ภายนอก ดีไซน์ด้านหน้าแบบใหม่ Advanced Dynamic Shield มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Bi-LED พร้อมเดย์ไลท์ ไฟตัดหมอกคู่หน้า มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ และระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมยาง 265/60 R18

ตัวรถถูกพัฒนาด้วยแนวคิด Engineered Beyond Tough หรือแกร่ง ลุย ทุกอุปสรรค แต่ Mitsubishi อาจจะลืมใส่คำว่าทันสมัยมาด้วย เพราะจริง ๆ แล้วตัวรถดูล้ำ ๆ สวยงามทีเดียว การกำหนดคอนเซ็ปต์ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะยอดขาย Triton สามารถแซงหน้า Ford Ranger คู่แข่งชิงอันดับ 3 มาได้ในไตรมาสแรกของปีนี้

การออกแบบภายใน

การปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่นำมาซึ่งแผงแดชบอร์ดดีไซน์ใหม่ การปรับปรุงบริเวณช่องแอร์ และคอนโซลกลาง ดีไซน์ในภาพรวมไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก โครงสร้างคอนโซลทรงตั้งเสริมวัสดุคล้ายเมทัลลิกทำให้ตัวรถดูทันสมัยขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นเป็นแบบ 4 ก้าน บนหลังคามีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังในรุ่น 4 ประตู

ชุดมาตรวัดมีจอดิจิทัลแบบสี บนคอนโซลหน้ามีหน้าจอระบบสัมผัส รองรับชุดเครื่องเสียง กล้องมองภาพรอบคัน และระบบนำทาง

ระบบความปลอดภัย

- กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสดงอัตโนมัติ

- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS

- ระบบกระจายแรงเบรก EBD

- ระบบเสริมแรงเบรก BA

- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC

- ระบบป้องกันการลื่นไถล ATC

- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA

- ระบบลดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อช่วยเบรก Brake Override System

- ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน ESS

- ระบบล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อรถมีความเร็ว Auto Door Lock by Speed

- ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา BSM

- ระบบเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจร LCA

- ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM

- ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง UMS - ระบบเตือนด้านหลัง ขณะถอยออกจากช่องจอด RCTA

- กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา Multi Around View Monitor

- เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง

- ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย และหัวเข่าผู้ขับขี่

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย

- เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง

- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติดูอัลโซน

- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ติดตั้งบนเพดาน

- สวิตซ์ควบคุมระบบปรับอากาศ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

- ช่องชาร์จไฟ USB 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

- กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบไล่ฝ้า

- กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ

- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

- แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift

- ระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS

- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button

- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี พร้อม 3D Animation

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control

- เครื่องเสียงวิทยุ CD DVD MP3 พร้อมจอภาพระบบสัมผัส

- ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth

- ช่องเชื่อมต่อ USB

- ลำโพง 6 ตำแหน่ง                   

ระบบขับเคลื่อน

เริ่มจากรุ่นตัวเตี้ย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4D56 บล็อก 4 สูบ แถวเรียง ความจุ 2.5 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พละกำลังสูงสุด 128 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 3,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด

Triton รุ่นปกติวางเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC รหัส 4N15 บล็อก 4 สูบ แถวเรียง 2.4 ลิตร 2.4 ลิตร  เทอร์โบแปรผัน VG-Turbo – Intercooler พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ไฮไลท์ของ Triton ยังอยู่ที่เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อถ่ายทอดจากสนามแข่ง Super Select 4WD II พร้อมสวิทช์ Off-Road Mode ที่ประกอบด้วย 4 รูปแบบการขับขี่ได้แก่ Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock ซึ่งจะมีการปรับการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี เพื่อให้เหมาะสำหรับสภาพถนนแต่ละแบบโดยอัตโนมัติ

ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแบบปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ เพื่อให้เกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ระบบกันสะเทือนหลัง แบบแหนบแผ่นซ้อน ติดตั้งเหนือเสื้อเพลา พร้อมโช้คอัพไขว้ขนาดใหญ่ ออกแบบจุดยึด และปรับตั้งแหนบใหม่ ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและยึดเกาะถนนดีขึ้น

สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบาย

ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตรของ Mitsubishi Triton มีแรงบิดที่สูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ความจุใกล้เคียงกันของคู่แข่ง ดังนั้นอัตราเร่งจึงตอบสนองได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงการเร่งแซงในช่วงความเร็วปานกลางและความเร็วสูง กล่าวได้ว่า Triton มีพละกำลังที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในกลุ่มรถกระบะเมืองไทย

การทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดให้ความนุ่มนวล ราบรื่น จึงขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายทั้งในเมืองและนอกเมือง เหมาะสำหรับการเป็นรถกระบะที่ใช้งานได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่การบรรทุกสินค้าไปจนถึงตอบสนองไลฟ์สไตล์ในช่วงวันหยุด

ระบบกันสะเทือนมีความนุ่มนวล มอบความสะดวกสบายมากขึ้น การเก็บเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์และลมทำได้ดี แต่ก็มีลอยมากระทบโสตประสาทบ้างในช่วงความเร็ว 100 กม.ต่อชม. ขึ้นไป

อัตราความประหยัดน้ำมัน

Mitsubishi Triton รุ่นเครื่องยนต์ตัวท็อปดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตรมีความประหยัดน้ำมันโดยเฉลี่ยในเมืองและนอกเมืองประมาณ 11 – 12 กม.ต่อลิตร

สรุป

Mitsubishi Triton มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดรถกระบะ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ คุณภาพการขับขี่ และวัสดุที่ใช้ตกแต่ง แม้ดีไซน์ในห้องโดยสารจะดูจืดชืดและธรรมดาไปหน่อยแต่ก็รองรับการใช้งานได้เป็นอย่างดี

ด้วยความโดดเด่นรอบด้าน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Triton ทำยอดขายได้สูงที่สุดเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นของ Mitsubishi ในประเทศไทย และถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ Mitsubishi มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนอดคิดเล่น ๆ ไม่ได้ว่าถ้า Triton ประทับแบรนด์ Toyota ก็อาจแซงหน้าขึ้นไปเป็นเจ้าตลาดแทนแล้วก็เป็นได้