Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) หนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์หรูหราของโลก เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านยานยนต์พลังงานทั้งปลั๊กอินไฮบริดและบีอีวี ภายใต้ชื่อที่เรียกว่าเอ็กซ์อีวี (xEV) และพวกเขาประสบความสำเร็จด้วยยอดขายรถยนต์กลุ่มนี้ 1.6 แสนคันทั่วโลกในปี 2563 ที่ผ่านมา
ยอดขายที่เติบโตขึ้นของรถกลุ่มนี้ 228.8% เป็นผลให้ค่ายรถยนต์ตราดาวสามารถผ่านมาตรฐานไอเสียสำหรับรถยนต์นั่งในทวีปยุโรปได้ในปีที่แล้วตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งจากยอดขายทั้งหมดนั้น เป็นการส่งมอบรถยนต์ในไตรมาส 4 เพียงไตรมาสเดียวถึงประมาณ 8.7 หมื่นคัน
โอลา คัลลีเนียส ประธานกรรมการบริหาร เดมเลอร์ เอจี และเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ระบุว่าบริษัทจะเดินหน้ากลยุทธ์ Electric first ต่อไป รวมถึงการเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มเติมในอนาคตอีกหลายรุ่น และพวกเขาคาดหวังว่าจะผ่านมาตรฐานไอเสียของยุโรปทั้งหมดอีกครั้งในปี 2564 นี้
การเติบโตที่สำคัญของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ในกลุ่มเอ็กซ์อีวีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นจาก 2% ในปี 2562 มาเป็น 7.4% ในปีที่ผ่านมา โดยผลงานหลัก ๆ เป็นการเติบโตของตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มีการส่งมอบเพิ่มไปเกือบ 4 เท่าตัวหรือมากกว่า 1.15 แสนคันทั่วโลก
นอกจากนี้ ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าพวกเขาก็ทำได้ไม่เลว เมื่อ Mercedes-Benz EQC (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวซี) เอสยูวีเล็กพลังงานไฟฟ้า มีการส่งมอบไปประมาณ 2 หมื่นคัน Mercedes-Benz EQV (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิววี) รถตู้ไฟฟ้าขายไปประมาณ 1,700 คัร และ Smart (สมาร์ท) รถไฟฟ้าขนาดเล็กขายไปราว 2.7 หมื่นคัน
สำหรับในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์มีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอีก 4 รุ่น ประกอบไปด้วย EQA, EQB, EQE และรุ่นท็อปอย่าง EQS อีกทั้งจะมีการเปิดตัวรถปลั๊กอินไฮบริดเพิ่มจากที่มีจำหน่ายอยู่มากกว่า 20 รุ่นโดยไฮไลท์อยู่ที่ Mercedes-Benz C-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) และ Mercedes-Benz S-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส) ที่จะเปิดตัวในปีนี้
ทั้งนี้ พวกเขาคาดการณ์ว่าส่วนแบ่งตลาดของเอ็กซ์อีวีในปีนี้ จะเติบโตขึ้นเป็นประมาณ 13% ของยอดขายทั้งหมด
พัฒนาฐานการผลิตที่เข้มแข็งรองรับยานยนต์ไฟฟ้า
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าค่ายรถยนต์ตราดาวเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อพวกเขาได้ทำการพัฒนาฐานการผลิตที่สำคัญ 7 แห่งใน 3 ทวีป เพื่อรองรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบภายในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้
รถยนต์รุ่นแรกที่จะทำการเปิดตัวตามแผนงานก็คือ Mercerdes-Benz EQS (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส) รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหญ่ของค่ายที่จะผลิตที่แฟคตอรี่ 56 ในโรงงานซินเดลฟิงเกน ประเทศเยอรมนี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564
รถยนต์เอสยูวีขนาดเล็กอย่าง Mercedes-Benz EQA (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอ) และ Mercedes-Benz EQB (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวบี) ก็จะเปิดสายการผลิตในโรงงานราสตัตท์ ในประเทศเยอรมนีจะทำการผลิตรุ่นแรก ส่วนรุ่นหลังจะเป็นหน้าที่ของโรงงานเคซเคอเมตในประเทศฮังการี ขณะที่โรงงานปักกิ่ง ประเทศจีน จะได้ผลิตทั้ง 2 รุ่น
โรงงานที่เบรเมน ประเทศเยอรมนี จะเปิดสายการผลิต Mercedes-Benz EQE (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวอี) ที่จะตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าธุรกิจโดยเฉพาะ โดยจะเริ่มทำการผลิตรถรุ่นนี้ในปี 2564 และแน่นอนว่าโรงงานในประเทศจีนก็จะเป็นฐานการผลิตรถรุ่นนี้กับเขาด้วย
โรงงานทัสคาลูซ่า ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า ที่พัฒนาบนพื้นฐานของอีคิวเอสและอีคิวอี โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังอยู่ระหว่างการพัฒนารถทั้ง 2 รุ่นอยู่ ทำให้ยังไม่มีรายละเอียดของรถออกมามากนัก
นอกจากนี้ ค่ายรถยนต์ตราดาวยังมีฐานการผลิตแบตเตอรี่อยู่ครบทั้ง 3 ภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการผลิตเอ็กซ์อีวี โดยโรงงาน 2 แห่งที่คาเมนซ์ ประเทศเยอรมนี โรงงานปักกิ่งในประเทศจีน โรงงานที่จาวอร์ ประเทศโปแลนด์ การพัฒนาโรงงานในอันเทอเติร์กไฮม์ในเยอรมนีอีก 2 โรง ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ
การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา จะใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตที่โรงานทัสคาลูซ่า และอยู่ระหว่างการขยายสายการผลิตเพิ่มที่ซินเดลฟินเกน ขณะที่โรงงานที่เป็นความร่วมมือกับธนบุรีประกอบรถยนต์ ในประเทศไทย ก็เริ่มที่จะผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมาตั้งแต่ปี 2563