2023 Mercedes-AMG C63 S E Performance เป็นรหัสแรงที่ละทิ้งเครื่อง V8 ดั้งเดิม เสริมด้วยไฮบริดกับเครื่อง 4 สูบทีแรงสุดในโลกถึง 671 แรงม้า พลิกหน้าประวัติศาสตร์ของตระกูลเอเอ็มจี
2023 Mercedes-AMG C63 S E Performance เป็นรหัสแรงที่ละทิ้งเครื่อง V8 ดั้งเดิม เสริมด้วยไฮบริดกับเครื่อง 4 สูบทีแรงสุดในโลกถึง 671 แรงม้า พลิกหน้าประวัติศาสตร์ของตระกูลเอเอ็มจี
การลดขนาดเครื่องยนต์อย่างเดียว กลายเป็นสิ่งล้าหลังไปแล้ว เพราะใคร ๆ ก็ทำได้เหมือนกัน แต่คราวนี้ตัวแรงสุดในตระกูล Mercedes-Benz C-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) ในรหัสตัวถัง W206 กับรุ่นย่อยชื่อ AMG C63 ได้เปลี่ยนระบบใหม่หมดจรด จากเครื่อง V8 กลายเป็น 4 สูบเรียง จากการใช้เทอร์โบอัดอากาศเดิม กลายเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และจากการขับเคลื่อนล้อหลังแบบเก่า กลายเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีระบบเลี้ยว 4 ล้อด้วย
ก่อนหน้านี้มีรุ่นน้อง AMG C43 ที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปีนี้ ได้ใช้เครื่อง M139 แบบเบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งรุ่นพี่ C63 ก็ได้ใช้เหมือนกัน แต่ที่ต่างกันคือ เครื่องยนต์ของ C43 มีกำลัง 402 แรงม้า ส่วนเครื่องของ C63 นั้นบูสต์เพิ่มขึ้นมีกำลังเป็น 470 แรงม้า ทำให้มันมีกำลังเทียบเท่าเครื่อง V8 เทอร์โบของรุ่นเก่า และทำให้มันเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบที่แรงสุดในโลกเท่าที่มีใช้ในรถยนต์นั่งแบบผลิตขายจริง
อ่านเพิ่มเติม : 2023 Mercedes-AMG C43 ตัวแรงเริ่มต้นตัวใหม่ ไม่ได้เครื่อง V6 แต่มีเทอร์โบโหดแบบรถ F1
การใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบที่แรงสุดในโลกนั้นยังไม่พอใจ ทางเบนซ์ยังได้เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปที่เพลาหลัง เมื่อรวมพลังกันแล้ว ทำให้มันมีกำลังทั้งหมดเป็น 680 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 1,020 นิวตันเมตร ประกบเกียร์ออโต้ 9 สปีด ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 3.4 วินาที ซึ่งทำให้มันเอาชนะคู่แข่ง BMW M3 ลามไปถึงแซงหน้า BMW M5 ได้เลย ส่วนความเร็วสูงสุดยังจำกัดที่ 250 กม./ชม. ซึ่งมีออพชั่นปลดล็อคความเร็วสูสุดเป็น 280 กม./ชม.ได้ด้วย
ด้านการขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าล้วน ทำได้ไกลสุดอยู่ที่ 13 กม. ด้วยแบตเตอร์รี่ 6.1 kWh ขับเคลื่อนล้อหลังเท่านั้น มีอัตราทดเกียร์ไฟฟ้าให้ 2 จังหวะ และยังมี Master Mode ให้สามารถเล่นล้อหลังหมุนฟรีทำท้ายปัดได้ตามใจชอบ
ผู้ขับขี่ยังมีปุ่มบนพวงมาลัย เอาไว้เลือกระดับการชาร์จไฟกลับได้ด้วยตัวเอง 4 ระดับ โดยจะหน่วงเมื่อถอนคันเร่งหรือเบรค และมีแรงชะลอความเร็วมากพอที่จะขับได้ด้วยการใช้แป้นเดียว คล้ายกับระบบ One Pedal ที่แพร่หลายใน Nissan Kicks นั่นเอง โดยถ้าใช้งานครบวงจรทั้งหมดนี้ จะมีมาตรฐานอัตราสิ้นเปลืองถึง 14.51 กม./ล. ตามมาตรฐานยุโรป นับว่าดีมากสำหรับรถกำลัง 680 แรงม้า บนน้ำหนักตัว 2 ตันนิด ๆ อย่างนี้
อ่านเพิ่มเติม : 2022 Mercedes-AMG C63 ยอมทิ้งเครื่อง V8 มาใช้เบนซิน 4 สูบไฮบริด ขาซิ่งจะรับได้มั้ย?
การออกแบบภายนอก Mercedes-AMG C63 S E Performance มีรูปทรงดูคล้ายกับรุ่นน้อง AMG C43 กับเอกลักษณ์กระจังหน้า Panamerica ใหม่ สิ่งที่แตกต่างชัดเจนคือ ช่องรีดอากาศบนฝากระโปรงหน้า เพื่อรีดลมหมุนวนในห้องเครื่องออกไป และยังมีจุดแตกต่างตรงครีบระบายลมซุ้มล้อหน้าอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเล็กน้อยที่พิเศษกว่ารุ่น C43 ได้แก่อักษร Turbo E Performance ตรงครีบระบายลมซุ้มล้อ และยังได้รับการติดตั้งตรา AMG วงกลมแบบดั้งเดิม มาแทนที่ตราดาวบนฝากระโปรงอีกด้วย
2023 Mercedes-AMG C63 S E Performance นอกจากตัวถังซีดานแล้ว ยังมีแบบแวกอน 5 ประตูให้เลือกด้วย นอกจากความต่างตรงหลังคาช่วงท้ายแล้ว ยังมีล้อแม็กลายใหม่แบบ 10 ก้านคู่ ที่มีขนาดลดลงเหลือ 19 นิ้ว ส่วนสมรรถนะยังเทาเทียมกับรุ่นซีดาน ยกเว้นการปลดล็อคความเร็ว ทำได้สูงสุดเพียง 270 กม./ชม.เท่านั้นเอง
Mercedes-AMG C63 S E Performance เตรียมเปิดขายในปีหน้า ตอนนี้ยังไม่ได้บอกราคา ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะถูกกว่าคู่แข่ง BMW M3 Competition ที่มีค่าตัว $80,800 ดอลล่าร์สหรัฐ
อ่านเพิ่มเติม : ชมก่อนใคร 2022 Mercedes-Benz C-Class กับ 3 จุดเด่น ที่ทำให้หลายคนอยากได้มากกว่ารุ่นอื่น
ขายรถเก่า-ซื้อคันใหม่ ไม่ยุ่งยาก ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
2022 Mercedes-Benz C-Class C 220d Avantgarde
แลก
เพิ่มรถของคุณ