Great Wall Motors (เกรท วอลล์ มอเตอร์ส) หรือ GWM ประกาศตัวเลขเม็ดเงินลงทุน 2.2 หมื่นล้านบาทในประเทศไทย มุ่งสร้างความมั่นคงด้านการผลิตที่มีทั้งรถเครื่องยนต์สันดาปภายในและรถยนต์ไฟฟ้า
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมให้สัมภาษณ์หลังจากได้หารือกับจาง เจียหมิง ประธานกรรมการ GWM ประจำภูมิภาคอาเซียนว่า ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากจีนกำลังวางแผนเปิดตัวรถเอสยูวีและรถกระบะอย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นปีหน้า
“GWM จะมีงบประมาณลงทุนในประเทศไทยทั้งหมด 2.2 หมื่นล้านบาท ทำให้เกิดการว่าจ้างงานเพิ่มอีก 3,435 ตำแหน่ง โดยโรงงานของ GWM ในประเทศไทยจะมีกำลังการผลิตทั้งหมด 80,000 คันต่อปี” สุริยะ กล่าวเพิ่มเติม
โรงงาน GWM พร้อมผลิตรถพลังงานทางเลือก
หลังจากดีลการเจรจาซื้อโรงงานผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ในจังหวัดระยองจาก General Motors (GM) เสร็จสมบูรณ์ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา GWM กำลังดำเนินการปรับปรุงอัพเกรดโรงงานดังกล่าวและคาดว่าจะพร้อมผลิตรถยนต์ภายในปลายปีนี้ทันที
สุริยะเปิดเผยว่า GWM มีความสนใจที่จะผลิตรถเกือบทุกประเภท ทั้งรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกัน ยังต้องการพัฒนาแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในประเทศไทยด้วย
“GWM ต้องการเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยในระยะยาว เนื่องจากพึงพอใจในนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังไฟฟ้า และเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย อันเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน” สุริยะ กล่าว
สำหรับการจัดสรรชิ้นส่วนสำหรับการผลิตรถยนต์นั้น สุริยะเปิดเผยว่า GWM จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทย 45% ในการผลิตรถยนต์ล็อตแรกในปีหน้า และจะเพิ่มเป็น 90% ภายในปี 2025
ทั้งนี้ โรงงานผลิตรถยนต์ของ GWM ในประเทศไทยนับเป็นโรงงานลำดับที่ 6 ที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีน ต่อจากบัลแกรีย อิหร่าน มาเลเซีย รัสเซีย และเซเนกัล โดยโรงงานทุกแห่งผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก
ปัจจุบัน GWM ส่งออกรถยนต์ไปจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทั้งยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ แอฟริกา และออสเตรเลีย
แล้วผู้บริโภคในไทยจะได้สัมผัสรุ่นอะไรบ้าง
ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก GWM Thailand ว่าจะจัดจำหน่ายรถยนต์รุ่นใดเป็นรุ่นแรก แต่ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าคอรถยนต์ในบ้านเราจะได้สัมผัสรถเอสยูวี Haval H6 เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งการันตีคุณภาพด้วยการเป็นรถเอสยูวี-ซีที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 1 ตลอด 8 ปีในแดนมังกรด้วยตัวเลขยอดขายสะสมสูงถึง 3 ล้านคัน
มิติตัวถัง |
|
|
Haval H6 |
Mazda CX-5 |
Honda CR-V |
ความยาว (มม.) |
4,653 |
4,550 |
4,571 |
ความกว้าง (มม.) |
1,886 |
1,840 |
1,855 |
ความสูง (มม.) |
1,730 |
1,680 |
1,689 |
ระยะฐานล้อ (มม.) |
2,738 |
2,700 |
2,662 |
H6 ถือเป็นรถเอสยูวีคันแรกของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อระบบ 5G รวมถึงนำเทคโนโลยี L.E.M.O.N. Platform มาใช้เป็นรุ่นแรก และยังมาพร้อมเทคโนโลยีพิเศษที่ใส่เข้ามาในรถเอสยูวีกระแสหลักเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยถอยอัตโนมัติ (Automated Reversing Assist) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการถอยรถแก่ผู้ขับ
รวมไปถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ประกอบด้วย ระบบรักษาความปลอดภัย (Safety Feature) ระบบรักษาระยะห่างและความเร็ว (Intelligent Cornering) ระบบรักษาระยะห่างระหว่างรถ (Intelligent Dodge) และระบบควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน (Lane Center Keeping)
รถเอสยูวีอีกรุ่นที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะทำตลาดเมืองไทยคือ Haval A01 หรือ All-New Haval H2 (ฮาวาล เอช2) ที่เพิ่งเปิดตัวในงานปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ มาพร้อมชื่อรุ่นภาษาจีนว่า 初恋 (อ่านว่าฉูเหลียนหรือ Chu Lian) ซึ่งแปลตรงตัวว่า First Love หรือ “รักแรก” ในภาษาไทยนั่นเอง สื่อความหมายว่านี่คือรถเอสยูวีรุ่นเริ่มต้นที่เป็นรักแรกของคนที่ต้องการครอบครองรถคันแรกในชีวิต
นอกจากนี้ยังจะมีรถกระบะ “POER” ที่แปลงชื่อรุ่นมาจากตัวอักษรจีนคำว่า “炮” (Pao) ซึ่งมีความหมายแสดงถึงความทรงพลัง โดยภายในงานปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ GWM นำเสนอ POER EV กระบะพลังงานไฟฟ้า กำลังไฟ 150 กิโลวัตต์ แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ในระยะทางสูงสุด 405 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง