Gordon Murray (กอร์ดอน เมอร์เรย์) เจ้าของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง Gordon Murray Automotive (กอร์ดอน เมอร์เรย์ ออโตโมทีฟ) ออกมาเดินตามความฝันของเขาอีกครั้ง หลังเปิดตัวที.50 (T.50) รถยนต์ซูเปอร์คาร์ที่เน้นไปที่การโฟกัสที่ผู้ขับขี่มากที่สุดของโลก
และเมื่อเขาพัฒนารถรุ่นที่เหนือกว่าขึ้นไปอีก แรงบันดาลใจที่หาได้ไม่ยากของเขาก็คือการกลับไปสู่ช่วงประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของเขา และเพื่อนนักขับคู่ใจอย่าง Niki Lauda (นิกี้ เลาด้า) เจ้าของแชมป์โลกรถยนต์สูตรหนึ่ง 3 สมัยอันโด่งดังจากทีม Brabham (บราบัม)
และรถคันนั้นก็มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Gordon Murray T.50S Niki Lauda (กอร์ดอน เมอร์เรย์ ที.50เอส นิกี้ เลาด้า) ซึ่งนอกจากความพิเศษมากมาย รถคันนี้ยังมีจำนวนการผลิตจำกัดเพียง 25 คันในโลกนี้ และมีสนนราคาถึงคันละ 3.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 130 ล้านบาท) ก่อนคำนวนภาษีเลยทีเดียว!!!
การพัฒนาสู่รถที่ขับสนุกโดยไม่ต้องมีทีมแข่ง
เมอร์เรย์ระบุว่า เขาก็มีความฝันที่อยากจะพัฒนารถยนต์ของเขาไปอีกขั้น ด้วยการพัฒนาเวอร์ชั่นของรถที่สามารถส่งมอบประสบการณ์การขับขี่บนสนามได้แตกต่างจากรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ไม่ได้สนใจเรื่องของการทำความเร็วแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อที่ลูกค้าของเขาจะสามารถใช้งานรถได้อย่างง่ายดาย
"ผมลองคิดถึงตัวเลขที่น่าสนใจ จะเป็นอย่างไรนะ ถ้าเราติดตั้งเครื่องยนต์วี12 เอาไว้ให้คุณฟังเสียงรอบที่ลากไปถึง 12,000 รอบต่อนาที มีตัวเลขกำลัง 700 แรงม้าบนตัวถังน้ำหนักเบากว่า 900 กิโลกรัม และคุณขับมันได้โดยไม่ต้องใช้ทีมงานซัพพอร์ต มันก็น่าจะสนุกมาก ๆ"
รถคันนี้ได้รับการปรับแต่งเพื่อให้เป็นรถที่สามารถใช้งานบนท้องถนน แชสซีและตัวถังแบบโมโนค็อกผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา เน้นการเลือกใช้ข้าวของที่ดีที่สุดให้กับรถ เพื่อแลกมาด้วยสมรรถนะและความโดดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย
เครื่องยนต์ที่เน้นการขับขี่อย่างสนุกสนาน
ด้วยการวางตำแหน่งเบาะคนขับอยู่ตรงกลางเหมือนรถแข่ง และติดตั้งเบาะผู้โดยสารสองที่นั่งขนาบซ้าย-ขวาทางด้านหลัง ตัวรถถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบามากเพียง 852 กิโลกรัม ติดตั้งเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังและแรงบิดมหาศาลโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศเหมือนเครื่องยนต์ในยุคใหม่ ๆ
เครื่องยนต์เบนซิน วี12 ขนาด 3.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 735 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 485 นิวตันเมตร แต่เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวถังของรถจะพบว่าสัดส่วนของแรงม้าและแรงบิดต่อน้ำหนักรถถือว่าอยู่ในระดับไม่ธรรมดา ลากรอบเครื่องยนต์ได้ถึง 12,100 รอบต่อนาที
ส่งกำลังลงระบบขับเคลื่อนล้อหลัง จับคู่กับเกียร์เอ็กซ์แทร็ค แพดเดิล-ชิฟท์แบบ 6 สปีด ป้อนอากาศเข้าสูบเครื่องยนต์ด้วยช่องอากาศเหนี่ยวนำประสิทธิภาพสูง ซึ่งติดตั้งอยู่บนหลังคา ชุดท่อระบายไอเสียที่เน้นความเบาเป็นพิเศษผลิตจากแมคนีเซียมอัลลอย ลดน้ำหนักลงไปได้อีก 15 กิโลกรัม
การออกแบบที่เน้นอากาศพลศาสตร์ระดับสูง
ตัวรถออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง ด้วยการติดตั้งพัดลมด้านหลังขนาดใหญ่ถึง 400 มิลลิเมตร ที่สามารถสร้างแรงกดตัวรถได้มากถึง 1,500 กิโลกรัม ครีบกลางมีความกว้าง 758 มิลลิเมตร พร้อมการเพิ่มดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังที่ใหญ่ขึ้นและปีกเดลต้ารุ่นใหม่
พัดลม 48 โวลต์ที่ติดตั้งด้านหลังจะเปลี่ยนการหมุนและความเร็วของพัดลม เพื่อสร้างแรงกดตัวรถในระดับที่แตกต่างกัน สามารถทำให้ผู้ขับขี่ขับรถได้อย่างหลากหลายรูปแบบ ด้วยแรงกดระดับ 2.5 จี ซึ่งแน่นอนว่าในเชิงทฤษฎีนั้น ตัวรถสามารถตอบสนองได้อย่างแน่นอน
เมอร์เรย์ให้ความเห็นว่า ที.50เอสนั้น เป็นสุดยอดซุปเปอร์คาร์บนท้องถนน และเป็นรถที่เชื่อมโยงความฝันของเขาในการที่จะก้าวไปอีกขั้นหนึ่งเสมอ เพื่อให้ได้รถที่ดีที่สุดสำหรับใช้งานบนท้องถนน และสามารถนำไปลงแข่งในรายการต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมอีก
สำหรับที50.เอสนั้น จะเริ่มสายการผลิตกันในช่วงเดือนมกราคมปี 2023 ซึ่งคาดว่าน่าจะจับของกันไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นใครอยากได้ตอนนี้ ก็ไม่น่าจะทันแล้วล่ะ!!!