2020 Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กแพนเดอร์) ครบรอบ 2 ปีแล้วที่ได้วางขายในไทย ตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 เป็นรถอเนกประสงค์ที่ทำยอดจองมาแรงตั้งแต่ออกขาย และยังครองแชมป์ยอดขายในเซกเมนต์นี้อยู่หลายเดือน แม้ว่าจะมีราคาขายสูงเมื่อเทียบในกลุ่มรถ MPV ไม่เกิน 1.5 ลิตร เราจะมาหาคำตอบกันว่าทำไมรุ่นนี้ถึงขายดีด้วยการใช้งานจริงมาแล้วหลายหมื่นกิโลเมตร จะมีปัญหาใหญ่อะไรบ้าง มาคุ้ยแคะแกะเกาให้หายสงสัยกันที่นี่
ความประทับใจแรก 2020 Mitsubishi Xpander
เมื่อดูจากสเปคและราคาแล้ว หลายคนอาจจะเบือนหน้าหนี เพราะตัวเลขเครื่องยนต์และราคา ไม่ได้ดึงดูดเลยแม้แต่น้อย ส่วนรูปลักษณ์พบว่ามีความตรงปก เหมือนในรูปถ่าย ไม่หลอกตาว่าหรูเกินจริง หรือต่างจากาพถ่ายที่มักทำให้ดูดีในกระดาษ โดยรถคันนี้เป็นรุ่นท็อป ดังนั้นก็จะมีการตกแต่งให้แตกต่าง จนทำให้รุ่นล่างดูโล้นเลี่ยนไปมาก สิ่งที่ถูกใจคือ การจัดความสูงใต้ท้องรถให้ลุยได้จริง ส่วนที่ขัดใจก็คือ ความแตกต่างภายนอกของ 2 รุ่นย่อยมีมาก ทั้งจำนวนของตกแต่ง และดีไซน์ที่จงใจให้ดูประหยัด เหมือนต้องการให้ลูกค้าเพิ่มเงินซื้อรุ่นท็อปเท่านั้น
ภายในกว้าง แอร์แรงสะใจ 2020 Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กแพนเดอร์)
เข้าเรื่องของภายในทันที เมื่อลองเข้าไปนั่งเบาะหนังแล้ว ก็พบว่าเบาะปรับสูงได้ไม่ถูกใจคนสูงน้อยกว่า 170 ซม. เพราะยังเหลือพื้นที่ศีรษะให้เล่นได้อีกเกินคืบ อีกจุดขายหลักคือความอเนกประสงค์ พับเบาะได้หลากหลาย และทำได้ง่าย ใช้แรงไม่มาก กระตุกเชือกครั้งเดียว ก็พับและทบเบาะกลางออกไป 2 จังหวะกลายเป็นพื้นที่ว่างให้คนเข้าออกเบาะหลัง หรือบรรทุกของได้เลย
เมื่อลองเข้าไปนั่งเบาะแถวสาม มีพื้นวางขาสูง ไม่หย่อนขา นั่งนานอาจจะมีเมื่อยก้น แต่ขาไม่ติดเบาะหน้า แม้ว่าเบาะแถวสองจะปรันเอนลงมาแล้วก็ตาม ส่วนแอร์เพดานเป่าหน้าแรงสะใจ เย็นทั่วคันดี ซึ่งก็แลกมาด้วยเสียงพัดลมแอร์ที่กระหึ่มจนคนขับต้องเพิ่มเสียงวิทยุ
บางวัสดุเริ่มหลวมนิดๆ
จากรถที่ใช้งานมากว่า 20,000 กม.มีสิ่งที่ดูขัดใจสำหรับภายในคือ ชิ้นส่วนพลาสติกตรงเพดานและเสาหลังคาต่างๆ มีการขยับให้ตัวเยอะมาก จนบางครั้งเวลาขับในทางไม่เรียบ จะสั่นสะเทือน ซึ่งทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้ในอนาคต นอกจากนี้พบว่าหัวเกียร์เริ่มหลวม สามารถบิดหัวเกียร์ขยับไปมาได้นิดหน่อย และสุดท้ายกับตำแหน่งเกียร์ N ด้ามเกียร์สามารถขยับไปซ้ายขวาได้เล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้พบบ่อยๆบนรถรุ่นอื่นที่มีระยะทางใช้งานใกล้เคียงกัน
เครื่องอืด รอบสูง 2020 Mitsubishi Xpander
เครื่องยนต์มิตซูบิชิ เอ็กแพนเดอร์ เป็นแบบเบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร มีวาล์วแปรผัน MIVEC ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ที่ต้องแบกภาระน้ำหนัก 1.7 ตัน ถ้ารวมคนขับและน้ำมันรถเข้าไปกลายเป็นหนักมากกว่า 1.8 ตัน ทำให้การออกตัวอืดสมคำร่ำลือ คันเร่งก็ตอบสนองช้า ต้องกดแป้นลงไปลึก กว่ารถจะเคลื่อนตัว เวลาขับในเมืองจึงมักจะถูกรถอื่นแซงปาดเข้าเลนเราเสมอ
เมื่อขับขึ้นทางด่วนก็พบว่า การกดคันเร่งจมพื้นจากความเร็ว 60 กม./ชม.ก็ไม่ช่วยเพิ่มอัตราเร่งขึ้นมากมาย ทำให้ต้องกะระยะแซงให้เลนขวาปลอดรถมากๆ ซึงเป็นไปได้ยากมากกับการขับในเมือง ดังนั้นการขับรถรุ่นนี้อย่าไปไล่แซงใครมาก ขับไปชิวๆที่ความเร็ว 120 กม./ชม. พบว่าใช้รอบเครื่องปาเข้าไป 3,000 รอบต่อนาที ถือว่ารอบสูง จึงมีอัตราการกินน้ำมันจึงไม่ได้สวยหรูมากนัก เฉลี่ยแล้วในเมืองทำได้ 10.7 กม./ลิตร ส่วนระบบเบรคมีช่วงยืดยาวเกินไปสำหรับการขับคนเดียว ใครขับชินแล้วอาจจะไม่รู้สึกขัดใจ
จุดเล็กๆน้อยๆ ที่ต้องทำใจ
รายละเอียดออพชั่นบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้ หรือแก้ไขได้ยาก เราก็ต้องเข้าใจและทำใจอยู่บ้าง เช่น หน้าจออินโฟเทนเม้นท์ที่มีขนาดเล็ก ทั้งที่ยังเหลือพื้นที่ให้ใส่หน้าจอขนาดใหญ่ได้สบายๆ ส่วนลำโพงก็มีเสียงแบนราบเรียบไร้อรรถรสใดๆในทุกย่าน อีกจุดหนึ่งคือ ใบปัดน้ำฝนที่กวาดน้ำไม่ทั่วกระจกหน้า เหลือพื้นที่เปื้อนฝนตรงมุมซ้ายไว้เยอะมาก ซึ่งเข้าใจว่าจุดนี้แก้ไขไม่ได้ จนกว่าจะออกรุ่นใหม่
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุง
Mitsubishi Xpander มีอายุการตลาดอีกไม่ถึงปี ก็จะได้รับการไมเนอร์เชนจ์แล้ว ซึ่งก็ต้องมีการปรับปรุงเล็กน้อยให้สดใหม่ ซึ่งมีบางจุดที่อยากเสนอให้แก้ไข นั่นคือ เปลี่ยนหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ใหม่ มีขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มสีภายในเป็นทูโทน ให้รถดูกว้างและโปร่ง ส่วนภายนอกอยากเปลี่ยนไฟหน้าไปใช้เลนส์โปรเจคเตอร์ กับหลอด LED ได้แล้ว สุดท้ายอยากให้มีสีสันตัวถังมากกว่าโทนขาวเทาดำให้เลือกแบบปัจจุบัน
2020 Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กแพนเดอร์) เป็นรถที่มีจุดเด่นเรื่องความกว้างขวาง นั่งได้จริง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบถ้วน ใส่ใจในทุกช่องเก็บของเล็กๆน้อยๆ ทำให้หลายคนติดใจจอง แม้ว่าสเปคบนกระดาษอาจจะไม่สวยหรู ดังนั้น นี่เป็นรถอีกรุ่นที่มองข้ามไม่ได้เลย ใครจะซื้อรถแวน ต้องมาลองใช้งานด้วยตัวเอง แล้วจะรู้ว่าทำไมถึงขายดี