2021 Ford Ranger FX4MAX น้องใหม่ขาลุยรุ่นล่าสุดจาก Ford (ฟอร์ด) ที่มาพร้อมจุดขายหลักในเรื่องการเพิ่มออพชั่นสำหรับขาลุยมาให้อย่างเต็มที่ ด้วยค่าตัว 1.189 ล้านบาท ถูกกว่ารุ่นตกแต่งเต็มคันอย่างไวล์ดแทร็คตัวท็อปอยู่มากพอสมควร
หลาย ๆ คนเรียกรถคันนี้ว่า Bany Raptor ด้วยการที่รถนั้นใช้โช็คอัพ FOX แบบเดียวกับที่ขาลุยตัวโหดใช้มาก่อน แม้จะเป็นคนละรุ่นแต่ก็เป็นฟอกซ์เหมือนกัน แถมมีการเติมหน้าตาให้ดุดันกว่าเสียด้วย ไหนจะติดตั้งอุปกรณ์ออฟโรดมาให้อีกเพียบ
อย่างไรก็ตาม ค่าตัวที่ถูกกว่าก็แลกมาด้วยอุปกรณ์หลายชิ้นที่หายไปเหมือนกัน และเป็นการยกออกไปทั้งระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ ระบบความปลอดภัยและระบบอำนวยความสะดวกในการใช้งาน แต่จะคุ้มหรือไม่ จะพาไปดูกันให้ชัดกันเลย
PRO 1: ช่วงล่างที่ปรับมาใหม่ ลุยได้เนี๊ยบสุดในคลาส
แม้จะยังไม่สามารถเทียบเคียงกับรุ่นพี่อย่าง Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) ได้อย่างแน่นอน เพราะขานั้นมาพร้อมกับขีดความสามารถในการออกลุย รวมถึงโหมดการขับขี่แบบเต็มพิกัด แต่เอฟเอ็กซ์4แม็กซ์ก็ถือว่าจัดมาเต็มที่
ฟอร์ดเลือกใช้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนก 2 ชั้น ที่มาพร้อมโช๊คอัพ FOX ขนาด 2 นิ้ว แบบโมโนทิวบ์ และติดตั้งเหล็กกันโคลง ขนาด 29 มม. ที่ด้านหน้า เพื่อให้ได้ความนุ่มนวลในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดมากยิ่งขึ้นจากโช็คอัพเดิม
ด้านหลังมาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบแหนบซ้อน และติดตั้งโช๊คอัพ FOX ขนาด 2 นิ้ว แบบมีซับแทงค์แยก มีการปรับแหนบใหม่ให้รับการบรรทุกหนักและการลุยที่ยืดและยุบตัวมากขึ้น และแน่นอนว่ามาพร้อมยางออลล์เทอร์เรนรุ่นพิเศษ
PRO 2: การตกแต่งภายนอกและภายในถือว่าดี
ภายนอกนั้นตกแต่งเน้นสไตล์บึกบึนเต็มพิกัด มาพร้อมกระจังหน้าลายตัวอักษร F-O-R-D แบบเดียวกับแรพเตอร์ ติดตั้งคิ้วซุ้มล้อแบบใหม่สีดำมัน บันไดข้างโลหะสีดำแบบออฟโรดสุดแกร่ง และเพิ่มความดุดันด้วยโรลบาร์สีดำด้านบนขอบกระบะ
ชิ้นส่วนของแต่งรอบคันมาพร้อมสีเฉดเทาโบลเดอร์เกรย์ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วออฟเซ็ท +42 มม. สีโบลเดอร์เกรย์ ที่ทำให้ตัวรถกว้างออกไปอีก 26 มิลลิเมตร มาพร้อมยางออลเทอร์เรนขนาด 265/70 R17 ของ BF Goodrich รุ่นพิเศษพร้อมลุย
ภายในมาพร้อมเบาะหนังแบบ Alcantara สลับหนังสังเคราะห์กำมะหยี่ ปักโลโก้ FX4 Max ลายคาร์บอน เบาะคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง ติดตั้งคันเร่งแบบสปอร์ตเดียวกับ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ พร้อมวัสดุนวมหนัง
PRO 3: เครื่องยนต์และอุปกรณ์ที่พร้อมออฟโรด
ฟอร์ดยังคงเลือกใช้ขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่สมรรถนะสูงสุดของฟอร์ด มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่มีโหมดเปลี่ยนเกียร์ธรรมดามาให้เลือกใช้
ความพิเศษของรถคันนี้คือการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการขับลุยออฟโรดแบบเต็มที่ ด้วยการติดตั้งสวิทช์แบงค์ ช่องต่อ AUX 6 ตำแหน่ง สำหรับต่ออุปกรณ์พ่วงที่หลากหลาย พร้อมด้วยการเพิ่มไดชาร์จขนาด 250 แอมป์ รองรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริม
บันไดเหล็กด้านข้างออกแบบมาอย่างแข็งแกร่ง บึกบึนกว่าตอนอยู่ใน Ford Ranger Wildtrak (ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทร็ค) ยางออลเทอร์เรนที่พารถตะกุยเส้นทางออฟโรดอย่างดุดัน และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของฟอร์ดเองก็ไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว
CON 1: ไม่เหมาะกับการใช้งานในเมืองเอาซะเลย
ไม่ใช่แค่เรื่องขนาดของตัวถังที่ใหญ่เทอะทะ เพราะคนเขียนใช้ไวล์ดแทร็คอยู่แล้ว ชินกับการใช้รถขนาดนี้ในเมืองของเราพอสมควร แต่ปัญหาคือบรรดาอุปกรณ์เสริมที่ตกแต่งมาเพื่อเป็นรถออฟโรดแบบเต็มพิกัดนี่แหละที่ทำให้ไม่ค่อยเหมาะนัก
บันไดข้างแบบออฟโรดที่แสนจะดุดันแข็งแกร่งนั้น หากมองจากมุมด้านข้างจะเห็นว่ามีขนาดของความกว้างที่เกินไปจากขอบล้อเสียด้วยซ้ำ รถก็กว้างขึ้น 26 มิลลิเมตร มาเจอบันไดกว้างออกไปอีก เอาจริง ๆ หวั่นใจว่าจะเกี่ยวรถจักรยานยนต์มาก
ยางออลล์เทอร์เรน K02 ที่ติดตั้งมาให้นั้นใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมในเส้นทางออฟโรด ที่ต้องการความสามารถในการบุกตะลุย แต่พอมาใช้งานบนถนนในเมืองนั้นกลับให้อาการกระเด้งและเสียงบดยางที่มากเกินไปสักนิด ซึ่งก็คงต้องเลือกกันล่ะ
CON 2: หายไปทั้งอุปกรณ์ความสะดวกและปลอดภัย
แน่นอนว่าการทำราคาห่างจากตัวท็อปอย่างไวล์แทร็คไม่มาก และให้อุปกรณ์ด้านออฟโรดเพิ่มขึ้นมามากมาย ก็ต้องแลกกับการที่อุปกรณ์หลาย ๆ อย่างหายไปจากรถเหมือนกัน หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่าแค่โช็คฟอกซ์กับยางก็คุ้มค่าดีอยู่แล้วล่ะ
แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นกลุ่มลูกค้าที่้ใช้งานรถแบบออฟโรดบ่อยขนาดนั้น สิ่งที่หายไปจากรถคันนี้ ไล่ไปตั้งแต่ระบบปรับเบาะแบบไฟฟ้า ฝากระบะท้ายแบบผ่อนแรงและฝาปิดท้ายแบบไฟฟ้าควบคุมที่รีโมต รวมไปถึงระบบเนวิเกเตอร์ที่หายไปจากรถ
แต่ที่หลาย ๆ คนอาจจะคิดหนักกว่านั้นก็ระบบการขับขี่และความปลอดภัยที่หายไป ถุงลมนิรภัยเหลือแค่คู่หน้า ระบบเตือนชนพร้อมช่วยเบรก ระบบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบคุมความเร็วแบบแปรผัน และไฟสูงอัตโนมัติ หายไปหมดเกลี้ยง
Summary: เอาจริง ๆ เหมือนมวยคนละรุ่น ลูกค้าคนละกลุ่ม
เป็นคำถามยอดฮิตในช่วงของการเปิดตัวเลยว่า ราคาที่ห่างกันเพียงแค่ 7.6 หมื่นบาท ในสองรุ่นท็อปของเรนเจอร์ที่ไม่นับรวมไปถึงตัวพ่ออย่างแร็พเตอร์ หากต้องเลือกใช้งานสักคันหนึ่ง ควรจะเลือกรถคันไหนมาประจำการณ์กันดีในขณะนี้
จากการที่ใช้คันหนึ่งในชีวิตประจำวันและเคยไปทดลองขับอีกคันมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็ต้องสรุปแบบฟันธงว่า ขึ้นกับการใช้งานครับ ถ้าเป็นกลุ่มใช้งานในเมืองเป็นหลัก เน้นออกไปเที่ยวบ้าง เอายังไงไวล์ดแทร็คก็เหมาะสมกว่าด้วยประการทั้งปวง
ยกเว้นแต่คุณเป็นกลุ่มใช้ชีวิตในป่าในไร่ ที่เน้นการใช้งานแบบออฟโรดเป็นหลักจริง ๆ และขี้เกียจจะซื้อรถกระบะทั่วไปมาแต่งเพิ่ม แถมแต่งยังไงก็คงยัดโช๊คฟอกซ์เข้าไปแบบนี้ได้ลำบาก ไหนจะตัวสวิตท์ที่เพิ่มขึ้นมาให้ใช้งานได้ครอบคลุมอีก
ยืนยันคำเดิมว่า การพัฒนา Ford Ranger FX4 MAX น่าจะเป็นการหากลุ่มลูกค้าใหม่ที่อยากได้รถที่เอาไปลุยได้เลยโดยไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติม แถมหน้าตาของรถเองก็มีการปรับเปลี่ยนให้เน้นความบึกบึนมากกว่าตัวท็อปสุดหรูอย่างชัดเจน
หลายคนอาจจะบ่นเสียดายข้าวของที่หายไปนิด ๆ แต่ถ้าคุณได้ลองเอารถสองรุ่นนี้ไปขับเปรียบเทียบกันในเส้นทางออฟโรดและออนโรด คุณจะพบว่ามันมีข้อดีกันคนละด้าน ที่เหลือก็แค่การตัดสินใจของคุณเท่านั้น ว่าจะเทใจไปหาใครมากกว่ากัน