หลังจาก BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น ตั้งแต่ BMW i3 (บีเอ็มดับเบิลยู ไอ3) BMW i8 (บีเอ็มดับเบิลยู ไอ8) รวมไปถึงเอสยูวีไฟฟ้าใหม่ BMW i4 (บีเอ็มดับเบิลยู ไอ4) BMW iX3 (บีเอ็มดับเบิลยู ไอเอ็กซ์3) BMW iX (บีเอ็มดับเบิลยู ไอเอ็กซ์)
ขณะที่ฟากของ MINI (มินิ) เองก็เดินหน้าพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าให้กับ MINI Cooper SE (มินิ คูเปอร์ เอสอี) เพียงรุ่นเดียว ล่าสุดมีรายงานว่าพวกเขาเตรียมขยับขยายการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไปยังกลุ่มรถยนต์นั่งและครอสโอเวอร์เพิ่มเติมเพื่อขยายกลุ่มลูกค้า
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ข้อสรุปว่าจะทำการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่อีกถึง 4 รุ่น ภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยยังไม่มีรายละเอียดของการผลิตออกมาว่าจะทำการพัฒนาบนรถรุ่นเดิมหรือเป็นการเปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่เลยทั้งหมด
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
บุกตลาดรถยนต์นั่งไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่สามารภเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นได้พร้อมกัน แต่รถที่ค่ายใบพัดฟ้าขาวจะเปิดตัวเวอร์ชั่นไฟฟ้าด้วยก็คือรถยนต์นั่งใหญ่อย่าง BMW 7-Series (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7) และ BMW 5-Series (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5) ก่อนรุ่นอื่น ๆ
นอกจากนี้ก็จะมีการพัฒนารถยนต์ครอสโอเวอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพื่อให้มีพลังงานทางเลือกให้กับลูกค้า ทั้งในส่วนของ BMW X1 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1) รวมไปถึง MINI Countryman (มินิ คันทรีแมน) ที่จะเป็นมินิรุ่นที่สองที่เป็นรถไฟฟ้า
นอกจากการเปิดเผยรุ่นที่ผลิตแล้ว บีเอ็มดับเบิลยูได้ระบุถึงฐานการผลิตสำหรับรถแต่ละรุ่นด้วย โดยในปี 2565 โรงงาน Dingolfing จะเปิดสายการผลิตซีรี่ส์ 7 ตามมาด้วยโรงงาน Regensburg ที่จะผลิตเอ็กซ์1 ขณะที่ซีรี่ส์ 5 และคันทรีแมนจะผลิตตามมาในปี 2566
โดยซีรี่ส์ 5 จะทำการผลิตที่โรงงานเดียวกันกับรุ่นพี่อย่างซีรี่ส์ 7 ขณะที่คันทรีแมนจะคลอดจากสายการผลิตที่ Leipzig ซึ่งแผนงานทั้งหมดนี้ จะทำให้บีเอ็มดับเบิลยูเข้าใกล้เป้าหมายการเป็นหนึ่งในผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกที่ตั้งเป้าเอาไว้ได้เร็วขึ้น
"เรายึดมั่นที่จะเดินหน้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และคาดว่าในปี 2566 เราจะมีตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ที่เราทำตลาด และจากนั้นภายใน 10 ปีข้างหน้า เราจะมียอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประมาณ 10 ล้านคันออกสู่ท้องตลาด"
บีเอ็มดับเบิลยูตกเป็นข่าวในการพัฒนารถยนต์บนพื้นฐานแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า Neue Klasse ที่ถูกพัฒนาสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า แต่สามารถรองรับเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล และขุมพลังพีเอชอีวี โดยจะใช้กับรถหลายรุ่นรวมถึง Rolls-Royce (โรลส์-รอยซ์)
พวกเขาบอกว่าแพลตฟอร์มรุ่นใหม่นั้นถูกออกแบบให้ใช้งานพลังงานไฟฟ้าได้หลายร฿ปแบบทั้งแบตเตอรี่และไฮโดรเจน ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาระบบส่งกำลังและแบตเตอรี่สมรรถนะสูง เพื่อสามารถบรรลุเป้าหมายด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคต
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });