ช่วงนี้อากาศก็ร้อน แถมมีพายุฤดูร้อนพัดถล่ม ทำให้เกิดฝนตก มีลมแรง และยังเข้าใกล้ช่วงหน้าฝน หากคุณมีรถกระบะไว้ใช้ ก็อาจจะเป็นข้อดีในการใช้ลุยทางและลุยน้ำ หรืออาจเอาไปใช้ช่วยขนคน, เสบียง, หรือเอาไว้ลากจูงรถก็ได้
แต่ก่อนที่คุณจะเอารถออกไปลุยน้ำ ใช่ว่ากระบะสูงจะกันน้ำเสียทีเดียว เรามาดูข้อควรระวังในการขับรถกระบะฝ่าน้ำท่วมกัน
1.อย่าขับรถคนเดียว
ในกรณีนี้หมายถึงอย่าขับคันเดียว ควรมีรถอีกคันขับตามกัน เผื่ออีกคันติดหล่มหรือมีปัญหา อีกคันจะได้ช่วยดึงได้ และก็ควรมีผู้โดยสารอยู่ในรถเช่นกัน เพราะอาจช่วยกันออกมาจากรถ หรือติดต่อขอความช่วยเหลือในขณะที่คุณประคองรถ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
2. อย่าขับในกระแสน้ำเชี่ยว
แม้กระบะจะสูงและหนักแค่ไหน แต่มันก้ไม่ใช่เรือ ที่จะลอยไปตามกระแสน้ำได้ ควรจะลองมองดูกระแสน้ำก่อนว่าพัดรถหรือวัตถุอย่างอื่นหรือไม่ ถ้าแรงไม่ควรผ่าน
3. ดูความสูงของน้ำ
แน่นอนความสูงของน้ำสำคัญที่สุด กระบะทุกคันมีระดับความสูงที่สามารถผ่านได้ ยกตัวอบ่างเช่น Toyota Hi-Lux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) มีระดับความสูงของน้ำที่ผ่านได้คือ 700 มิลลิเมตร โดยสามารถดุได้จากคู่มือรถของคุณ
4. ดูทางก่อนจะขับ
หากคุณไม่ชินเส้นทาง ก็ควรจะศึกษาทางว่ามีท่อน้ำ หลุมบ่อ หรือก่อนหินขนาดใหญ่อยู่หรือไม่ ถนนที่ทำมาไม่ค่อยดีอาจเสียหายมากกว่าเดิมเมื่อเกิดน้ำท่วม
แม้คุณจะรู้จักทางดีก็ตาม ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าน้ำจะพัดอะไรมาบ้าง วิธีการตรวจดูง่าย ๆ อาจเป็นการลองเดินสำรวจหรือใช้ไม้ การถามคนที่ผ่านทางนี้มาแล้วก็ช่วยได้เช่นกัน
5. ปิดแอร์
ระบบแอร์รถนั้นมีพัดลมที่คอยดูดอากาศเข้า หากเจอกับน้ำอาจทำให้น้ำกระเด็นไปโดนส่วนที่สำคัญได้
6. ขับช้า ๆ ให้เกิดคลื่น
การขับไว ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้น้ำกระจาย ควรขับช้า ๆ ให้น้ำกระเพื่อม (Bow Wave) น้ำจะเกิดแรงกระแทกกับด้านหน้า และไม่กลับเข้าตัวรถ ใช้เกียร์ต่ำเพื่อคงความเร็วไว้ให้สม่ำเสมอ
7. หากรถติดหล่มอย่าดับเครื่อง
หากรถคุณติดหล่มหรือไปต่อไม่ได้ แต่เครื่องยังติดอยู่ แม้แต่เครื่องดับ ก็อย่าดับเครื่องเด็ดขาด ควรรอให้คนมาช่วยหรือดึงรถออก เพราะหากทำการสตาร์ท ท่อไอเสียจะดูดน้ำเข้าไป ทำให้เครื่องเสียหาย
8. เช็คเบรกทุกครั้งหลังการขับ
เมื่อผ่านน้ำมาได้ ก็ควรจอดพักสักครู่เพื่อให้น้ำไหลออกหมดก่อน ลองเหยียบเบรกเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ไถล ขับช้า ๆ และค่อย ๆ เบรกเพื่อให้จานแห้ง
9. ตรวจสอบใต้ท้องรถ
เพื่อความมั่นใจ ควรยกรถขึ้นเพื่อดูว่ามีเศษหิน, ใบไม้, หรือโคลนติดอยู่ตามใต้ท้องรถหรือไม่ และควรดูดิฟล็อค, เกียร์, เครื่องยนต์, พัดลม และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ เพื่อกันอาการช้อตได้
กระบะนั้นจริง ๆ เหมาะกับการขนของหนักเสียมากกว่า แต่ในกรณีจำเป็นก็สามารถเอามาใช้ได้ แต่ก็ควรระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น จะได้ไม่ต้องเสียเงินซ่อมรถอีกครับ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });