หลังจากประสบความสำเร็จไปกับการยัดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรให้กับรถเล็กอย่างซูซูกิ สวิฟท์ (Suzuki Swift) เข้าโครงการอีโคคาร์เฟสแรก พวกเขากลับมาอีกครั้งกับรถยนต์รุ่นเดียวกัน แต่ขยับไปเล่นในตลาดอีโคคาร์เฟสสอง ด้วย All-New 2018 Suzuki Swift (2018 ซูซูกิ สวิฟท์) รุ่นใหม่หมดจด
ไม่ใช่แค่หน้าตาที่เปลี่ยนไป แต่สวิทฟ์ใหม่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงทั้งคัน ช่วงล่างใหม่ที่แข็งแรงขึ้น เครื่องยนต์ใหม่ที่จี๊ดจ๊าดแต่ยังประหยัดกว่าเดิม ระบบความปลอดภัยใหม่ ๆ รวมไปถึงห้องโดยสารที่ให้ความโปร่งสบายนแบบของรถยนต์เล็กทั่วไปพึงจะมี
ซูซูกิเปิดตัวสวิฟท์ใหม่ด้วยเกียร์อัตโนมัติ ในรุ่นย่อยที่แตกต่างกันไป 4 รุ่นย่อย โดยวางราคาจำหน่ายในระดับล่างถึงกลางของตลาดอีโคคาร์ เฟสสอง โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 4.99 แสนบาท ไปจนถึงรุ่นท็อป 6.29 แสนบาท และนี่คือ 7 สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรถใหม่ที่เปลี่ยนไปในครั้งนี้
1.เครื่องยนต์ดูอัลเจตใหม่
แม้จะเป็นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรเหมือนเดิม แต่เครื่องยนต์ใหม่ที่มาพร้อมรหัส K12M ปริมาตรกระบอกสูบ 1,197 ซีซี. กลับโดดเด่นด้วยการใช้เทคโนโลยีระดับหัวฉีดคู่ดูอัลเจต (Dual Jet) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ซูซูกินำมาใช้กับรถยนต์นั่งหลายรุ่นของพวกเขา
สมรรถนะที่ได้ ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดที่ 108 นิวตันเมตรต่อชั่วโมง ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติซีวีที ลงสู่ล้อคู่หน้า โดยเครื่องยนต์ใหม่นี้ รองรับเชื้อเพลิงสูงสุดถึงแก๊สโซฮอล์ อี20 ประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มมาอีกนิดหน่อย
2.มาตรฐานการประหยัดและไอเสียที่ดีขึ้น
เพราะความต้องการในการผ่านมาตรฐานของอีโคคาร์ เฟสสองในประเทศไทยที่เข้มงวด ซูซูกิจำเป็นต้องพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน การขับขี่ที่ต้องดีกว่าเดิม มาตรฐานไอเสียระดับสูงขึ้น และประหยัดน้ำมันกว่าตอนทำอีโคคาร์เฟสแรก
ข้อกำหนดของอีโคคาร์เฟสสองที่ค่ายรถทุกค่ายต้องทำได้ ก็คือการประหยัดน้ำมันไม่น้อยกว่า 23.25 กิโลเมตรต่อลิตร และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 100 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ซึ่งเครื่องยนต์ดูอัลเจตสามารถผ่านกฎอันเข้มงวดนี้มาได้อย่างสบาย
3.มิติตัวถังที่ดูสปอร์ตมากขึ้น
ซูซูกิ สวิฟท์ใหม่ มาพร้อมขนาดตัวถังกว้าง 1,735 มิลลิเมตร ยาว 3,840 มิลลิเมตร สูง 1,495 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อ 2,450 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 120 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 4.8 เมตร โดยมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 265 ลิตร
เทียบกับสวิฟท์รุ่นเดิม จะเห็นว่ารถคันนี้ดูสปอร์ตขึ้น ด้วยความกว้างที่เพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตร สั้นลง 10 มิลลิเมตร เตี้ยลง 15 มิลลิเมตร แต่มีระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 20 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบลงไป 0.4 เมตร และมีที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น 54 ลิตร เรียกว่าภายนอกหล่อขึ้น แต่ใช้งานได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
4.โครงสร้างฮาร์ทเทคที่เบาแต่แข็งแกร่ง
น้ำหนักตัวรถของซูซูกิ สวิฟท์ใหม่นั้น อยู่ที่ 875-910 กิโลกรัม แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อยที่มีอุปกรณ์แตกต่างกันไป ถ้าคิดว่ารถคันนี้เบามากแล้ว ก็ต้องบอกว่า ตัวรถที่มิติไม่ได้แตกต่างจากเดิมนี้ มีการลดน้ำหนักลงมาจากรุ่นเดิมถึง 65-70 กิโลกรัมแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น
ผลงานหลัก ๆ มาจากการเปลี่ยนมาใช้โครงสร้างฮาร์ทเทค (HEARTEC) ที่มีการปรับโครงสร้างพื้นตัวถังส่วนล่างและโครงกระดูกงู เสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้าง โดยที่ไม่เบียดเบียนห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระ ทำให้ได้รถที่เบาและมีพื้นที่ใช้สอยเยอะขึ้น
5.ภายนอกตกแต่งอย่างสปอร์ต
ภายนอกของสวิฟท์ใหม่ เน้นการออกแบบและตกแต่งแบบสปอร์ต ด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ เลนส์ ไฟเดย์ไทม์ ไฟหรี่และไฟท้ายแบบแอลอีดี มาพร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า ล้ออัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/55 R16 ให้ความมั่นใจในการขับขี่
กระจังหน้าสีดำสไตล์สปอร์ต ตกแต่งด้วยเส้นสีแดง กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สามารถปรับและพับด้วยไฟฟ้า กระจกสีเขียวตัดแสง มาพร้อมสีตัวถังภายนอกให้เลือกถึง 6 สี ประกอบไปด้วยสีแดง สีขาวมุก สีน้ำเงิน สีเงิน สีเทาและสีดำ
6.ห้องโดยสารภายในสะดวกสบาย
การออกแบบภายในห้องโดยสารเน้นความสะดวกสบายกึ่งสปอร์ต เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าสีดำแบบสปอร์ต พนักพิงศีรษะตอนหน้า แบบแยกส่วน พนักพิงศีรษะเบาะหลัง แบบแยกส่วน 3 ตำแหน่ง เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60:40 เพิ่มพื้นที่ในการใช้งานหลากรูปแบบ
พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มรับสาย-โทรออก บนพวงมาลัย ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมหน้าจอแสดงผลดิจิตอล หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบแอลอีดี เครื่องเสียงระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อมากมาย พร้อมด้วยลำโพง 6 ตำแหน่ง
7.เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย
ไม่ใช่แค่โครงสร้างตัวถังแบบฮาร์ทเทตที่ถูกติดตั้งเข้ามาเพิ่มเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่ยังมาพร้อมด้วยระบบอื่น ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง กุญแจนิรภัยแบบอิมโมบิไลเซอร์ พร้อมด้วยสัญญาณกันขโมย
มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบกุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ระบบกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ซึ่งทำให้รถคันนี้เป็นรถเล็กที่น่าใช้งานอยู่ไม่น้อย