New 2019 Toyota C-HR รถยนต์สปอร์ตครอสโอเวอร์ขวัญใจวัยรุ่น เปิดตัวโฉมใหม่ประจำปี 2019 ด้วยการปรับที่เรียกว่าน้อยมากจนแทบไม่สังเกต ด้วยการเปลี่ยนล้ออัลลาย 17 นิ้วสีทูโทนรายใหม่ พร้อมการเพิ่มตัวถังสีใหม่เป็นสีขาวมุกตัดหลังคาดำ
แถมด้วยการรักษาระดับราคาจำหน่ายเอาไว้เท่าเดิม เพื่อเอาใจลูกค้าให้สามารถจับจ่ายได้แบบไม่รู้สึกขัดใจ ทำให้ราคาจำหน่ายของซี-เอชอาร์นั้นยังแข่งขันได้อยู่ ซึ่งน่าจะเป็นไม่กี่ครั้งของโตโยต้าที่ทำการปรับโฉมแต่ไม่ทำการปรับราคา
หากมองในเชิงของสินค้าเป็นหลัก รถยนต์รุ่นนี้มีดีมากมายหลายประการที่จะทำให้เราชอบมันได้แบบไม่ติดขัด และนี่คือ 7 ข้อดีที่เราคิดว่าเป็นจุดขายหลักของรถคันนี้ และจะทำให้คนที่ต้องการซื้อรถยนต์กลุ่มนี้อยู่หันมามองรถคันนี้ในการตัดสินใจแน่นอน
1.การออกแบบที่ทันสมัยล้ำยุค
แม้จะเป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้างว่าการออกแบบภายนอกของรถคันนี้นั้นสวยงามหรือไม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องความสวยงามในมุมมองแต่ละคน แต่หากมองไปที่เรื่องการออกแบบของซี-เอชอาร์ นี่คือแนวทางในการออกแบบรถยนต์ที่ล้ำยุคและทันสมัยที่สุดคันหนึ่ง
แนวทางการออกแบบที่เน้นความสปอร์ต ด้วยลายเส้นที่แข็งแรงและดูลงตัว ตัวถังที่เน้นการตีโป่งออกมา ไฟหน้าและท้ายแบบเรียวเล็ก นี่คือรูปแบบการออกแบบรถยนต์ยุคใหม่ ซึ่งก็หมายถึงคุณซื้อรถคันนี้ไป หน้าตาจะไม่ตกยุคไปอีกหลายปี
2.ห้องโดยสารที่บรรยากาศดี
ตัดเรื่องความแคบของกระจกสำหรับผู้โดยสารตอนหลังออกไป ห้องโดยสารของซี-เอชอาร์ โดยเฉพาะตอนหน้านั้น ให้บรรยากาศในการขับขี่และการโดยสารที่ยอดเยี่ยม ด้วยการตกแต่งที่ทันสมัย การเลือกใช้วัสดุที่ไม่ดูว่าถูกเกินไปในทุกรุ่น
แผงแดชบอร์ดด้านหน้าออกมาอย่างทันสมัย เน้นการเป็นส่วนหนึ่งของการขับขี่ด้วยการออกแบบให้หน้าจอกลางหันหน้าเข้าหาคนขับ ให้บรรยากาศผ่อนคลายในการใช้งาน แถมยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายที่ช่วยเหลือในการขับขี่เต็มไปหมด
3.เครื่องยนต์ไฮบริดที่ไหลลื่น
การเลือกใช้เครื่องยนต์ไฮบริดเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในกลุ่มนี้ แม้จะทำให้ราคาจำหน่ายดีดขึ้นไปกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในพอสมควร แต่โตโยต้าได้ภาพลักษณ์ในเรื่องของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปเต็ม ๆ
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ไฮบริดของพวกเขานั้นให้การตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีจริง ๆ การทำงานของเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบส่งกำลังลงตัว ส่งกำลังได้อย่างราบลื่นต่อเนื่อง เหมาะสำหรับสายขับเท้าหนักแบบไม่มีปัญหา
4.ความปลอดภัยระดับ 5 ดาว
โตโยต้า ซี-เอชอาร์ คือรถยนต์ครอสโอเวอร์รุ่นแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากการทดสอบการชนอันเข้มงวดของอาเซียน เอ็นแคป ด้วยมาตรฐานการทดสอบการชนใหม่ที่ประกาศไปในปีที่ผ่านมา
ด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมที่ติดตั้งเข้ามา โดยเฉพาะระบบช่วยเหลือก่อนการเกิดเหตุที่จัดมาเต็มในรุ่นท็อป พร้อมด้วยถุงลมนิรภัย 7 ลูกรอบคัน ขณะที่เด็กน้อยที่เดินทางด้วยก็จะรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษด้วยจุดล็อกเบาะที่นั่งเด็ก ISOFIX
5.อุปกรณ์ที่เอาใจไลฟ์สไตล์ใหม่
โตโยต้าติดตั้งระบบที-คอนเนต์ เทเลมาติกส์ ให้กับรถคันนี้ ซึ่งนอกเหนือจากจะมีระบบช่วยเหลือมากมายติดตั้งมาให้ สิ่งที่เจ้าของรถน่าจะชื่นชอบที่สุดคือการปล่อยไวไฟของรถ ที่ทำให้ผู้ร่วมทางสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากสุดถึง 9 อุปกรณ์พร้อมกัน
ตัวรถยังมีลูกเล่นมากมายที่เหมาะกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน เช่น ระบบกรองอากาศนาโนอี ช่องเก็บของมากมายทั่วคัน รวมไปถึงการตกแต่งที่เอาใจวัยรุ่น เช่น ชุดโคมไฟท้ายแบบรมดำ ก็ทำให้รถคันนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของมนุษย์ไลฟ์สไตล์อยู่ไม่เบา
6.ราคาที่ยังน่าคบหาสมาคม
ไม่บ่อยครั้งที่โตโยต้าจะไม่ทำการปรับขึ้นราคาสินค้าของพวกเขาในการปรับเปลี่ยนโฉมที่ไม่ว่าจะเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม แต่กับ New 2019 Toyota C-HR แล้ว ผู้บริหารของโตโยต้าสั่งลุยด้วยการประกาศคงราคาเอาไว้อย่างเหนียวแน่นในครั้งนี้
ส่งผลให้ราคาของซี-เอชอาร์ รุ่นล่างสุดยังไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยสนนราคา 4 รุ่นย่อยนั้นเริ่มที่ 9.79 แสนบาทไปจนถึง 1.159 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะได้ใจผู้บริโภคแล้ว ใครที่มาใหม่แล้วคิดจะตั้งราคาแพงกว่านี้ ก็คงต้องคิดกันให้หนัก
7.การดูแลเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า
เพราะโตโยต้านั้นมีประสบการณ์เรื่องรถยนต์ไฮบริดเป็นอย่างดี และรู้ว่าความกังวลของลูกค้าอยู่ที่ไหน เมื่อพวกเขาทำตลาดรถไฮบริด จึงมีการออกแคมเปญด้านการโฆษณาเพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ เรียกว่าซื้อความสบายใจให้ลูกค้าอย่างเต็มที่
สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์รุ่นไฮบริด จะได้รับการรับประกันระบบไฮบริดนาน 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ขณะที่ทุกรุ่น จะได้รับฟรีค่าแรง 11 ระยะ ตั้งแต่ 1,000 – 1 แสนกิโลเมตร พร้อมขยายเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่เป็น 5 ปี หรือ 1.5 แสนกิโลเมตร