Mazda 3 (มาสด้า 3) เป็นรถในกลุ่ม Compact Car หรือ C-Segment ของทางค่าย Mazda (มาสด้า) ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2003 ปัจจุบันมีทั้งหมด 4 รุ่นคือ BK, BL, BM/BN, และล่าสุดโฉม BP
โดยจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันด้วยจุดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ ช่วงล่างแบบยุโรป และความสปอร์ต
ซึ่งหากท่านยังไม่อยากได้โฉมล่าสุดเนื่องจากมีราคาแพงเกินไป ในรุ่นที่ 3 หรือ BM ปี 2013-2018 ถือว่าเป็นรถที่ยังตอบโจทย์ได้ดีที่เราอยากให้คุณสัมผัส ด้วย 5 เหตุผลต่อไปนี้
1. หน้าตายังไม่ตกยุค
ไม่ว่าจะเป็นในรุ่น Hatchback 5 ประตูหรือ Sedan 4 ประตู ดีไซน์ภายนอกจัดว่ายังมีความปราดเปรียว เพรียวลม ทันสมัย มาพร้อมกับกระจังหน้า 5 เหลี่ยมที่เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของรถรุ่นนี้เลยทีเดียว ผสานไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบฮาโลเจนดูเรียบหรู หากเปลี่ยนล้อนิดหน่อยก็ขับหล่อได้ยาว ๆ
2. เครื่องยนต์ดี
ใช้เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดขับเคลื่อนล้อหน้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม.ภายใน 8.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กม./ชม.
ทำอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันได้ที่ประมาณ 14-15 กม./ลิตร โดยเครื่องยนต์ถือว่าไม่น้อยหน้ารถในปัจจุบัน แต่อัตราตีนต้นอาจค่อนข้างอืด เพราะมาสด้าบอกว่าเซตมาให้ประหยัด แต่ตีนปลายนั้นถือว่าทำได้ดีทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม Check list : 2022 Honda Civic RS vs Toyota Corolla Altis vs Mazda3 ชนตัวท็อป พบว่าต่างเยอะ
3. ช่วงล่างยุโรป
หนึ่งในชื่อเสียงที่ดีที่สุดของมาสด้าคือการได้ช่วงล่างแบบรถยุโรป แต่ราคารถญี่ปุ่นเท่านั้น โฉมนี้มีการพัฒนามาจากรุ่นเดิมไปมาก ช่วงล่างหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท หลังมัลติลิงค์ ดิสก์เบรก 4 ล้อ
โฉมที่แล้วจะค่อนข้างแข็ง กระด้าง แต่ในโฉมนี้จะค่อนข้างนุ่มนวล เหมาะแก่การขับขี่ทางไกล
4. ระบบความปลอดภัยครบ
Mazda 3 นั้นถือว่าให้อุปกรณ์ความปลอดภัยมาแบบไม่กั๊กเลยทีเดียว ถุงลมนิรภัยที่ให้มาถึง 8 จุด มากกว่ารถยุโรปบางคันเสียอีก และยังมี Smart Keyless Entry พร้อมระบบเซ็นทรัลล็อก, ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS, EBD, BA
นอกจากนี้หากคุณซื้อรุ่นท็อปสุด SP 5 ประตู แล้วจะยังได้ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS และระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดที่สายตาผู้ขับมองไม่เห็น RVM
5. ด้านหลังดีขึ้น
แม้หลายคนยังบ่นรถยนต์จาก Mazda ว่าด้านหลังค่อนข้างแคบ ในรุ่นในได้มีการทำให้กว้างขึ้น นั่งสบายขึ้น แต่ยังเทรยบคู่แข่งไม่ค่อยได้ เนื่องจากเป็นรถ Sport Compact มากกว่ารถ Compact ธรรมดา
ไม่มีข้อเสียเลยหรือ?
มีข้อดีมากมายขนาดนี้ เขาก็มีข้อเสียที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน หากไม่นับเรื่องเบาะหลังแคบที่แก้ไม่ได้แล้ว ก็ยังมีเรื่อง
1. อะไหล่แพง
ข้อนี้ผู้ใช้มาสด้ารู้กันดี ว่าอะไหล่ของพวกเขานั้นติดอันดับต้น ๆ ของความแแพงมากกว่ารถในขนาดเดียวกัน แต่อะไหล่เองก็มีหลายเกรด บางอย่างก็ยังพอสามารถหาได้ตามกลุ่มหรือร้านค้าออนไลน์
2. ยางรองเบ้าโช้คเสื่อม
จะเกิดขึ้นเมื่อมีการขึ้น-ลงลูกระนาดหรือคอสะพานด้วยความเร็วบ่อย ๆ จะทำให้มีเสียงดัง ซึ่งหากยังเคลมได้ก็ถือว่าดี แต่หากหมดประกันแล้ว ต้องใช้ของแท้เท่านั้น
3. อะไหล่อายุสั้น
ด้วยความที่เป็นช่วงล่างแบบมัลติลิงค์ ทำให้มีอะไหล่ค่อนข้างเยอะ จุดเชื่อมต่อมาก นอกจากนี้อะไหล่ช่วงล่าง ยังมีอายุค่อนข้างสั้น อาทิ บูช ลูกยาง ลูกหมากต่าง ๆ เปลี่ยนทีหนึ่งอาจจะเยอะหน่อย แต่ควรต้องเปี่ยนตามเวลา
บางคันราคาเท่ามือหนึ่ง
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ Mazda 3 โฉมนี้ยังมีราคาที่แพงอยู่เล็กน้อย เนื่องจากรถปีล่าสุดคือ 2018 ซึ่งยังถือว่าไม่เก่ามาก โดยปกติแล้วในรุ่นล่าง จะมีราคาเริ่มต้นที่ 400,000 บาทโดยประมาณ
แต่หากเป็นรุ่นท็อปสุด SP 5 ประตู จะมีราคาอยู่ที่ 620,000 บาท ขึ้นไปบวกลบเล็กน้อย เพิ่มเงินอีกนิดซื้อ Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) ได้เลย
อย่างไรก็ตาม ควรไปลองสัมผัสและขับขี่ดูก่อน เนื่องจากแต่ละคนมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงความบอบช้ำของตัวรถที่เจ้าของเก่าทำไว้
Mazda 3 จึงยังถือเป็นรถที่มีออพชั่นให้มาคุ้มค่า เครื่องยนต์ไม่น้อยหน้ารถใหม่ ช่วงล่างดีเยี่ยม หากแก้ปัญหาเรื่องช่วงล่างได้แล้ว ก็ยังใช้ต่อไปได้ยาว ๆ เลย