2020 Toyota Yaris Ativ (2020 โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) รุ่นไมเนอร์เชนจ์เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีการปรับปรุงดีไซน์และเพิ่มระบบความปลอดภัยให้อุ่นใจมากขึ้น

รถซีดานอีโคคาร์ Yaris Ativ ไมเนอร์เชนจ์ ออกจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

รุ่น 1.2 Entry ราคา 539,000 บาท

รุ่น 1.2 Sport ราคา 599,000 บาท

รุ่น 1.2 Sport Premium 674,000 บาท

ผู้อ่านท่านใดที่กำลังพิจารณาจับจองเป็นเจ้าของ 2020 Toyota Yaris Ativ สักคัน วันนี้เรามีคำแนะนำว่าควรเลือกรุ่นสูงสุด 1.2 Sport Premium ซึ่งมีราคาสูงกว่ารุ่นกลาง 1.2 Sport อยู่ 75,000 บาท ด้วยเหตุผล 5 ข้อที่เราขอนำเสนอดังต่อไปนี้

1. ภายนอกและภายในครบครันกว่า

รูปลักษณ์ภายนอกระหว่างรุ่นท็อปกับรุ่นกลางเมื่อมองเผิน ๆ อาจไม่แตกต่างกันมากนัก แต่รุ่นท็อปทันสมัยกว่าเล็กน้อยด้วยเสาอากาศแบบครีบฉลาม ขณะที่รุ่นกลางเป็นแบบสั้นดั้งเดิม นอกจากนี้ รุ่นท็อปยังมีไฟตัดหมอกหน้า LED ติดตั้งมาให้ด้วย

ไฮไลท์อยู่ที่ภายในห้องโดยสาร Yaris Ativ 1.2 Sport Premium มาพร้อมเบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ตหุ้มหนังและหนังสังเคราะห์ วัสดุตกแต่งแผงควบคุมวิทยุ และเครื่องปรับอากาศเป็นสีเงินเข้มซาติน กล่องเก็บของที่คอนโซลกลาง พร้อมฝาปิดหุ้มหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา ทั้งหมดนี้มีเฉพาะในรุ่นสูงสุดเท่านั้น

2. สีตัวถัง Platinum White Pearl มีเฉพาะรุ่นท็อป

สีขาวมุก Platinum White Pearl มีจำหน่ายเฉพาะในรุ่นสูงสุด Sport Premium เท่านั้น แต่ลูกค้าต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินเพิ่มอีก 7,000 บาท

3. อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากกว่า

2020 Toyota Yaris Ativ รุ่นท็อปยังมาพร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ (MID) แบบจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ระบบ Smart Entry และ Push Start ลำโพง 6 ตำแหน่ง ใบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และโทรศัพท์ บนพวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมจอแสดงผลการขับขี่ ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน (Electro Chromic) ทั้งหมดนี้ไม่มีในรุ่นกลางและรุ่นเริ่มต้น

4. ระบบความปลอดภัยเหนือกว่า

ระบบความปลอดภัยมาตรฐานในทุกรุ่นย่อยของ 2020 Yaris Ativ ถือว่าครบครันอยู่แล้ว ทั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC และถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-หัวเข่า

อย่างไรก็ตาม รุ่นท็อปยังมาพร้อมกล้องบันทึกภาพหน้ารถและหลังรถ ระบบเซ็นทรัลล็อกตามความเร็วรถอัตโนมัติ ที่สำคัญคือมีระบบ Toyota Safety Sense ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการขับขี่ทั้งในเมืองและทางไกล

5. ค่างวดแต่ละเดือนใกล้เคียงกัน

เมื่อคำนวณค่าผ่อนแต่ละงวดถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก โดยเมื่อคิดจากการวางเงินดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48, 60, 72 และ 84 เดือน อัตราดอกเบี้ย 1.50% จะได้ผลลัพธ์ดังนี้

จากตารางจะเห็นว่าค่างวดแต่ละเดือนห่างกันประมาณ 1,000 บาทหรืออาจน้อยกว่านี้ถ้ามีโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำกว่าที่คำนวณข้างตัน ด้วยค่าตัวที่ไม่หนีกันมากนัก เราจึงขอยืนยันนอนยันว่า Yaris Ativ รุ่น 1.2 Sport Premium ตัวท็อปมีความน่าสนใจและคุ้มค่าที่สุด อีกทั้งยังขายต่อได้ราคาดีอีกด้วย