เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รถกระบะมีส่วนช่วยสร้างสีสันให้วงการรถยนต์เมืองไทยอย่างมาก จากการลดภาษีของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือด้านการพาณิชย์ ทำให้เราได้มีรถประเภทนี้ในตัวถังที่หลากหลายมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เช่น ตัวถังแคปเปิดได้ ตัวถัง 4 ประตูป้ายดำ จนถึงช่วงสั้นคอยล์สปริงไว้ดัดแปลงเป็น PPV
แม้ว่ารถกระบะจะมีพัฒนาการที่มากขึ้น และรุ่นย่อยหลากหลายขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า รถประเภทนี้ยังไม่ถูกชะตากับน้ำบนถนนอยู่ดี ยิ่งเป็นช่วงหน้าฝนอย่างนี้ ถนนเปียกมากเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้รถกระบะเป็นยานพาหนะที่อันตรายมาก อ่านถึงตรงนี้อย่าเพิ่งเกิดดราม่า เพราะเราไม่ได้เหมารวมกระบะทุกชนิด ลองมาฟังเหตุผลดูก่อนว่าเพราะอะไร และไม่ได้เจาะจงรุ่นใดโดยเฉพาะ
มีแรงบิดสูง
รถเก๋งส่วนใหญ่ในไทยมีแรงม้าและแรงบิดประมาณ 100 กว่าหน่วย ต่างจากรถกระบะยุคปัจจุบันมีกำลังเครื่องยนต์ไม่กี่ร้อยแรงม้า แต่มีแรงบิดสูงถึง 350-500 นิวตันเมตร ซึ่งทำเพื่อเอาไว้ฉุดลากน้ำหนักมาก ๆ ให้เคลื่อนที่ได้รวดเร็ว แต่ด้วยแรงบิดมหาศาลนี้ ก็ทำให้ควบคุมยากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีน้ำหนักบรรทุก ก็จะยิ่งวิ่งได้เร็วขึ้นไปอีก
ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เก็บแรงบิดสูงแบบนี้ ไว้ใช้ฉุดลากตอนบรรทุกเท่านั้น เพื่อป้องกันการขับเร็วจนคุมไม่อยู่ ทั้งการออกตัวอย่างรวดเร็ว หรือการเติมคันเร่งอย่างรวดเร็วในตอนเร่งแซง ควรปรับพฤติกรรมใหม่ให้กดคันเร่งเบาลงตอนไม่มีโหลดของหนัก
อ่านเพิ่มเติม : รถกระบะคอกสูง-บรรทุกหนัก ทำไมไม่ซื้อรถบรรทุก 4 ล้อใช้แทน ฟังเหตุผลแล้ว เห็นด้วยหรือไม่?
ขาดสมดุลย์หน้าหลัง
ถึงแม้รถกระบะจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5 ตันขึ้นไป แต่มีการกระจายน้ำหนักลงทั้ง 4 ล้อได้ไม่ดีเท่ารถเก๋ง เพราะรถกระบะต้องเว้นพื้นที่ว่างท้ายรถสำหรับการบรรทุกของ แต่เมื่อไม่มีการบรรทุกของ จึงเกิดอาการท้ายเบา ล้อหลังมีแรงกดลงพื้นไม่เท่าล้อหน้า ยิ่งประกอบกับสาเหตุข้อต่อไปด้วยแล้ว ยิ่งเกิดหายนะง่ายขึ้นไปอีก
อ่านเพิ่มเติม : ผู้ผลิตรถค่ายใหญ่ เตรียมเลิกใช้เกียร์ธรรมดาแล้ว แม้แต่รถกระบะก็ไม่เว้น
ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
รถกระบะส่วนใหญ่ที่ซื้อใช้กัน มักเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง มีส่วนน้อยที่เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพราะมีราคาสูงระดับหลักล้านขึ้นไป ว่าด้วยขับเคลื่อนล้อหลังในรถกระบะนี้ ออกแบบมาเน้นความทนทาน ล้อหลังหมุนพยายามดันล้อหน้าให้เคลื่อนที่ตามไปตลอดเวลา
โดยระบบขับเคลื่อนนี้มีข้อเสียคือ จะเกิดอาการท้ายปัดได้ง่าย (Oversteer) เกิดจากการที่ล้อขับเคลื่อนอยู่คนละตำแหน่งกับล้อเลี้ยว ถ้าหากล้อหลังหมุนเร็วกว่าล้อหน้ามากเกินขีดจำกัด แรงที่ส่งไปหาล้อหน้าจะถูกปลิ้นออกด้านข้าง เพราะล้อหลังที่หมุนเร็วกว่าพยายามแซงล้อหน้า เกิดการหมุนหรือเป๋ออกข้างแบบ Power slide ยิ่งรถกระบะท้ายเบา จะยิ่งออกข้างได้ง่ายกว่ารถบรรทุกของ ส่วนรถเก๋งส่วนใหญ่ขับเคลื่อนล้อหน้า จะเกิดปัญหาหน้าดื้อโค้ง (Understeer) ซึ่งแก้อาการของรถได้ง่ายกว่า
อ่านเพิ่มเติม : Electronic Stability Control ปะทะ Traction Control System สองความแตกต่างแต่เหมือนกัน
ในรุ่นล่างไม่มีระบบช่วยทรงตัวและช่วยล้อหมุนฟรี
รถกระบะรุ่นมาตรฐาน และรุ่นย่อยกลาง ในระดับราคา 5-8 แสน เกือบทุกยี่ห้อ ยังไม่มีระบบช่วยทรงตัว และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ทำให้ล้อรถมีโอกาสถูกพื้นเปียกน้ำ ทำให้ล้อหลังหมุนไวกว่าล้อหน้า แล้วเกิดการหมุนท้ายปัดได้ ไม่ว่าจะเป็นกระบะเปล่าหรือกระบะบรรทุกของอยู่ ก็เสี่ยงได้เท่ากัน
หากต้องการระบบช่วยขับขี่ทั้ง 2 อย่างนี้ ต้องควักเงินระดับ 9 แสนกว่าบาทขึ้นไป เพื่อซื้อรุ่นรองท็อป หรือรุ่นท็อปสุด ซึ่งน้อยคนนักที่สามารถเอื้อมถึงรุ่นบน ๆ อย่างนั้น ในขณะที่รถเก๋งปัจจุบันในระดับราคา 5-8 แสนก็ได้ระบบควบคุมการทรงตัวและป้องกันล้อฟรีเกือบครบทุกรุ่นแล้ว
อ่านเพิ่มเติม : VSC และ TRC ระบบช่วยชีวิต แต่ทำไมมีปุ่มปิด ควรจะกดตอนไหน ? มีเฉลยให้หายสงสัยแล้ว
ช่วงล่างแหนบ
ช่วงล่างคือระบบซับแรงกระแทก รวมถึงแรงเหวี่ยงของตัวรถต่าง ๆ โดยรถกระบะเกือบทั้งหมดใช้แหนบเป็นสปริงแบบแผ่น ที่ออกแบบมาให้ใช้บรรทุกหนัก เน้นความทนทาน โดยไม่ได้คำนึงถึงสมรรถนะในความเร็วสูง หรือความเกาะถนนหนึบหนับ ต่างจากรถเก๋งที่เซ็ตช่วงล่างไว้นุ่มนวลกว่า ซับแรงได้มากกว่า
ดังนั้นเมื่อรถกระบะเข้าโค้ง แหนบตัวนี้จะซับแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางได้ไม่มากเท่าไหร่ หรือหากรถกระบะเกิดการเป๋ปัดไปมาแล้ว แหนบก็ไม่ได้ยืด-ยุบให้ตัวมากพอที่จะซับแรงไว้ได้ ในบางจังหวะอาจจะดีดสะท้อนแรงกระแทกมากขึ้นด้วยซ้ำ จึงเป็นอีกปัจจัยที่เสริมโอกาสที่จะพลิกคว่ำได้ง่ายกว่ารถกระบะช่วงล่างคอยล์สปริง
อ่านเพิ่มเติม : โช๊ค Monotube มีดีอย่างไร ต่างกับ Twin-tube แค่ไหน
วิธีแก้ง่ายมากคือ ชะลอความเร็ว
บทความนี้ไม่ได้ห้ามซื้อกระบะแล้วกลับไปใช้รถเก๋ง แต่ต้องการให้เข้าใจธรรมชาติของรถกระบะ อย่างที่อธิบายไว้ตั้งแรกสาเหตุแรกว่า รถประเภทนี้มีกำลังแรงสูง ไม่ได้ทำเพื่อเน้นสมรรถนะ แต่เน้นไว้ฉุดลากของบรรทุกหนัก ดังนั้นเมื่อตอนที่ไม่สัมภาระบรรทุกหลัง ก็อย่าย่ามใจว่ารถแรงขึ้น จนใช้คันเร่งอย่างเคยชินเหมือนตอนบรรทุกของ การลดความเร็วลง เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ได้ผลดีที่สุด ที่จะลดอุบัติเหตุรถกระบะท้ายปัด
การแก้ปัญหาด้วยการติดโช้คอัพดี ๆ ใส่กันโคลงแน่น ๆ พร้อมยางหนึบ ก็มีส่วนช่วยลดโอกาสเสียหลักท้ายปัดได้ แต่ไม่ได้ช่วยให้คุณสามารถใช้คันเร่งโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ คิดว่าเสียเงินแต่งช่วงล่างแล้วต้องซิ่งได้หนึบแน่น
เพราะถึงอย่างไร รถกระบะส่วนใหญ่ก็คือรถบรรทุกของ การนำมาขับซิ่งเน้นสมรรถนะที่ความเร็วสูง นับเป็นการใช้รถผิดประเภท ซึ่งคนรักรถมักจะไม่ทำกันอยู่แล้ว
อ่านเพิ่มเติม : ขนของบนรถกระบะอย่างไรไม่ให้รถหักกลางลำ และยังไม่ผิดกฎหมายอีกด้วย