รถยนต์ที่เราขับในทุกวัน บางคันแม้จะอึด ทนทานแค่ไหน ก็ควรได้รับการดูแลบ้าง จะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ
ซึ่งการดูแลนอกจากจะยืดอายุของรถได้แล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย โดยเราได้รวม 4 วิธีดูแลรถที่คุณอาจลืม แต่จะช่วยประหยัดน้ำมันและถนอมรถได้อีกด้วย
รถยนต์ที่เราขับในทุกวัน บางคันแม้จะอึด ทนทานแค่ไหน ก็ควรได้รับการดูแลบ้าง จะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ
ซึ่งการดูแลนอกจากจะยืดอายุของรถได้แล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย โดยเราได้รวม 4 วิธีดูแลรถที่คุณอาจลืม แต่จะช่วยประหยัดน้ำมันและถนอมรถได้อีกด้วย
รถยนต์นั้น เคลื่อนที่ด้วยแรงเสียดทานกับพื้นผิวถนนที่เกิดขึ้นเมื่อยางหมุน หากแรงเสียดทานมีมาก ก็จะมีแรงยึดเกาะที่มากขึ้น การเร่งความเร็วและความเสถียรของพวงมาลัยจะดีขึ้น
แต่ก็จะทำให้ใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าแรงเสียดทานน้อย แรงจับจะลดลง แต่ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงจะดีขึ้น
ยางนั้นอากาศจะรั่วตามธรรมชาติอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีเพียงเล็กน้อย แรงดันอากาศจะค่อย ๆ ลดลงแม้ในขณะที่คุณไม่ได้ขับขี่ เมื่อแรงดันอากาศลดลง ยางจะโค้งงอและสัมผัสกับพื้นมากขึ้น
ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแรงเสียดทานและเพิ่มการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ว่ากันว่าเมื่อความดันอากาศลดลง 20% จะใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ถึง 5% จึงไม่ควรละเลยเรื่องลมยาง
นอกจากนี้ พื้นผิวของยางจะสึกตามระยะทาง และร่องดอกยางจะตื้นขึ้น พื้นที่สัมผัสของยางจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เปลืองน้ำมันมากกว่าเดิม
เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกัน ควรเพิ่มแรงดันลมยางให้สูงกว่าค่าที่กำหนดประมาณ 1-2 psi หรือใช้ยางแบบประหยัดน้ำมัน และยังสามารถลดขยาดยางให้มีขนาดเล็กลงหนึ่งขนาดเมื่อเปลี่ยนยางได้ด้วย
ซึ่งก็อาจจะพอช่วยได้บ้าง แต่ก็อาจจะแลกมาด้วยการที่ยางไม่ค่อยเกาะถนน
หน้าที่หลักของน้ำมันเครื่อง คือการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ แต่เมื่อน้ำมันนั้นเสื่อมสภาพหรือเกินอายุของมัน ก็จะทำให้เกิดการหล่อลื่นระหว่างชิ้นส่วนได้ยาก ชิ้นส่วนที่เป็นโลหะก็จะกระทบกันมากขึ้น และเกิดแรงเสียดทาน
แรงเสียดทานของชิ้นส่วนนี้เองจะทำให้เปลืองน้ำมันมากกว่าเดิม เพราะเมื่อเครื่องยนต์ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ก็จะต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้น เครื่องก็จะทำงานหนักกว่าเดิม และอาจทำให้สียหายด้วย
น้ำมันเครื่องจะเสื่อมสภาพเนื่องจากการกระทบกัน และความร้อนของชิ้นส่วนที่เลื่อนไปมาอยู่แล้ว เราจึงควรนำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อทำการเช็คระยะรถยนต์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 กม.หรือ 1 ปี
แต่หากใช้รถทุกวัน ก็ควรเปลี่ยนทุก ๆ ครึ่งปีจะดีที่สุด และต้องใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับรถด้วย
สาเหตุที่แบตเตอรี่ มีผลต่อความประหยัด เพราะเครื่องยนต์นั้นมีการแบ่งกำลังออกไปใช้หลัก ๆ ทั้งในระบบปรับอากาศ และระบบไฟ เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมจากการใช้ไปนาน ๆ ระบบต่าง ๆ ยังต้องการใช้ไฟเหมือนเดิม ตั้งแต่พวงมาลัยเพาเวออร์ แอร์
ทำให้กระแสไฟสำรองในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จึงต้องดึงจากไดชาร์จมาใช้โดยตรง ทำให้ตัวไดชาร์จต้องทำงานหนักขึ้น ใช้กำลังจากเครื่องยนต์มากและนานขึ้น จึงเป็นสาเหตุโดยตรงของการกินน้ำมันเชื้อเพลิง
ซึ่งก็ควรเลือกขนาดของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับรถเสมอ ไม่ควรลดขนาดความจุของแบตเตอรี่หรือแอมป์ลงโดยเด็ดขาด เพราะผู้ผลิตรถยนต์คำนวณแอมป์ที่เหมาะสมกับการใช้งานไว้แล้ว และไม่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้มีแอมป์สูงเกินกำหนดเช่นกัน
ตัวกรองอากาศนั้นจะถูกติดตั้งไว้เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นและสิ่งสกปรกในอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ ซึ่งจะสกปรกและอุดตันด้วยสิ่งแปลกปลอมเมื่อใช้เป็นเวลานาน
เมื่อกรองอากาศตัน การเผาไหม้ก็ไม่สมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น ในการขับขี่ปกติ ปริมาณอากาศที่ต้องการจะมีน้อย แต่ความเร็วสูงนั้น ต้องการพลังงานในการขับขี่ จึงอาจต้องเหยียบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
แม้จะมีผผลไม่มาก แต่หากกรองอากาศเริ่มดำแล้วการรีบเปลี่ยนจะดีที่สุด ระยะเวลาในการเปลี่ยนชิ้นส่วนมักจะอยู่ที่ 30,000 ถึง 40,000 กม. ตามสภาพแวดล้อมที่คุณไปขับมา
พร้อมจัดการซื้อ-ขายรถได้ภายใน 24 ชั่วโมง
Toyota Yaris Ativ 1.2 Sport CVT 2022
แลก
เพิ่มรถของคุณ