2022 Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) และ 2022 Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) เริ่มมีภาพหลุดออกมามากขึ้นเรื่อย ก่อนกำหนดการเปิดตัวที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2565 และล่าสุดมีคนตาดีจับภาพของรถทดสอบพร้อมสติกเกอร์สีเหลืองที่ติดที่กระจกหน้ารถไว้ได้
สติกเกอร์สีเหลืองที่ติดตั้งที่หน้ารถยนต์ทดสอบนั้น เป็นหลักฐานว่ารถทดสอบเหล่านั้นจะมาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด และแน่นอนว่านี่คือหลักฐานยืนยันว่าฟอร์ดเองก็มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าการติดตั้งเครื่องยนต์พลังงานทางเลือกให้กับรถยนต์เชิงพาณิชย์ของพวกเขา
รถยนต์ทดสอบทั้งสองรุ่นถูกจับภาพเอาไว้ได้ในทวีปยุโรป ซึ่งฟอร์ดในทวีปยุโรปเองมีพันธกิจในการขยายตลาดรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ได้ไม่น้อยกว่า 60% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในทวีปยุโรปภายในปี 2573 หรือในอีก 9 ปีข้างหน้าเท่านั้น
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจะแรงขนาดไหน
แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าฟอร์ดจะเลือกใช้เครื่องยนต์รุ่นใดมาทำการจับคู่กับระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้า แต่ก็มีการคาดการณ์ไปอย่างหลากหลาย และเสียงส่วนใหญ่ลงความเห็นตรงกันว่าฟอร์ดน่าจะเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซินมากกว่าเครื่องดีเซล
และถ้าให้เดาใจฟอร์ดไปอีก ฟอร์ดน่าจะหยิบเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างเครื่องอีโคบูสต์มาใช้ในการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปเพิ่มพละกำลัง ซึ่งจะทำให้ได้ทั้งสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น และอัตราการสิ้นเปลืองที่น่าจะทำได้ดีกว่าเครื่องรุ่นอื่น ๆ
มีรายงานตัวเลขว่าหากฟอร์ดใช้เครื่องยนต์อีโคบูสต์ 2.3 ลิตร มาติดตั้งระบบปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์รุ่นนี้เมื่อนำมาติดตั้งในรถกระบะและพีพีวีของพวกเขา ก็น่าจะรีดพละกำลังได้มากกว่า 360 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดมหาศาลระดับ 680 นิวตันเมตรเลยทีเดียว
แน่นอนว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์รุ่นนี้ยังไม่อาจจะเทียบกับเครื่องยนต์ไฟฟ้าล้วน ที่ให้กำลังสูงสุด 571 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 1,050 นิวตันเมตร ที่ติดตั้งอยู่ใน Ford F-150 Lightning (ฟอร์ด เอฟ-150 ไลท์นิ่ง) แต่ก็ถือว่าดีมากแล้วเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ปัจจุบัน
ในเรนเจอร์และเอเวอเรสต์รุ่นท็อปที่ทำตลาดอยู่ในไทย ฟอร์ดเลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซล ไบ-เทอร์โบ ที่ให้สมรรถนะสูงที่สุดในตลาด แต่ก็มาพร้อมกำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดระดับ 500 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ตอบสนองดีที่สุดในคลาสอยู่แล้ว
ข่าวลืออื่น ๆ เกี่ยวกับ 2 โมเดลที่จะเปิดตัวปีหน้า
แน่นอนว่ามีคำถามแน่นอนว่าฟอร์ดจะยกเลิกเครื่องยนต์ดีเซลหรือไม่ คำตอบคือในตลาดประเทศไทยก็น่าจะยังคงต้องมีอยู่แน่นอน และน่าจะมีการเพิ่มเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเข้ามาในอนาคต เพราะเราเป็นฐานส่งออกไปออสเตรเลีย ทำให้ไม่น่าจะตกขบวน
ขณะที่บางตลาดจะยังมีทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ให้เลือกเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ต้องมาดูว่าฟอร์ดจะวางกลยุทธ์ด้านตัวสินค้าทั้งหมดอย่างไร เพราะฟอร์ดเองก็สามารถเลือกผลิตได้อย่างหลากหลายในโรงงานจากไทย แอฟริกาใต้และสหรัฐอเมริกาเอง
ภายในของห้องโดยสารนั้น มีข่าวลือว่าจะมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยรุ่นมาตรฐานจะมาพร้อมหน้าจอขนาด 12 นิ้วแบบสัมผัส และรุ่นท็อปอาจจะมาพร้อมหน้าจอขนาด 15.5 นิ้ว ที่ถูกคนตาไวจับภาพเอาไว้ได้เป็นครั้งแรกในช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
ระบบอินโฟเทนเมนต์รุ่นใหม่ SYNC4 น่าจะถูกเปิดตัวพร้อม ๆ กับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่นี้ โดยจะมีฟังชั่นส์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอีก พร้อมด้วยออพชั่นด้านความปลอดภัยที่จะเพิ่มเติมเข้ามาพร้อมระบบไฮบริด ทำให้เรนเจอร์เป็นปิกอัพที่มีความปลอดภัยสูงที่สุด
การพัฒนาเรนเจอร์จะใช้ฐานหลักอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียเหมือนเช่นเคย ขณะที่แพลตฟอร์มใหม่ของเรนเจอร์จะถูกนำไปแชร์ร่วมกับ Volkswagen Amarok (โฟล์กสวาเกน อมาร็อค) ที่จะทำให้การบริหารจัดการต้นทุนของสองแบรนด์สามารถทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });