2021 Volvo XC40 T5 Rechaege (วอลโว่ เอ็กซ์ซี40) คือรถยนต์ครอสโอเวอร์ไซส์เล็กของค่ายรถจากสวีเดน ที่ตัดสินใจยกเลิกการทำตลาดเครื่องยนต์สันดาปภายในทั้งหมด และยังเป็นรถรุ่นใหม่ ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีมากมาย รวมไปถึงการกำหนดความเร็วสูงสุดที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่เป็นที่ถกเถียงกันในมุมกว้าง
AutoFun Thailand เคยมีประสบการณ์กับรถรุ่นนี้ในสมัยที่พวกเขายังเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในธรรมดามาทำตลาด และจำได้ดีถึงความคล่องตัวของรถที่มาพร้อมตำแหน่งที่นั่งที่ดี การใช้งานในเมืองที่คล่องแคล่วว่องไว รวมไปถึงการตอบสนองด้านต่าง ๆ ของรถที่ถือว่าไม่ธรรมดา ทั้งการขับขี่และอุปกรณ์ของเล่นที่ใส่เข้ามา
แน่นอนเมื่อมีการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์รุ่นใหม่ สิ่งที่เราอยากรู้ก็คือเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดนั้นให้การตอบสนองที่เปลี่ยนไปหรือไม่ และเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ไม่มีเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดแล้ว รถคันนี้มีความโดดเด่นขนาดไหน ซึ่งเราจะได้มาทดสอบกันอย่างเต็มรูปแบบ แต่ขอบอกไว้เลยว่า รถคันนี้สามารถฟาดกับคู่แข่งทุกคันได้สบาย
อันนี้ว่ากันแต่ตัวรถเพียว ๆ เลยนะ เรื่องบริการหรือภาพลักษณ์ต้องให้คนจะซื้อคิดเอาเองเลย...
ราคาจำหน่าย 2021 Volvo XC40 T5 Rechagre |
R-Design Expression |
2.09 ล้านบาท |
R-Design |
2.39 ล้านบาท |
Inscription *** |
2.39 ล้านบาท |
Highlight ที่สำคัญสำหรับรถยนต์รุ่นนี้
- เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดครั้งแรกในรุ่นนี้
- เบนซิน 1.3 ลิตร เทอร์โบชาร์จ + มอเตอร์ไฟฟ้า
- กำลังสูงสุด 262 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 425 นิวตันเมตร
- 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 7.3 วินาที ตามสเปก
- เกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 7 สปีด
- จำกัดความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ภายนอกตกแต่งแบบหรูหราอลังการงานวอลโว่
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมรุ่นอาร์-ดีไซน์และอินสคริปชั่นถึงมีราคาจำหน่ายเท่ากัน ต้องบอกก่อนว่าระบบอุปกรณ์ต่าง ๆ ใน 2 รุ่นนี้นั้นเหมือนกันทั้งหมด มีแค่ตัวถังแบบสีทูโทนและสีเดียวกันทั้งคันที่แตกต่าง และการเซตอัพแชสซีของอาร์-ดีไซน์ที่จะสปอร์ตกว่าในรุ่นอินสคริปชั่นที่เป็นไดนามิกแชสซีเหมือนรุ่นล่างสุดก็เท่านั้นเอง
วอลโว่ในยุคหลัง ๆ นั้น เริ่มเอาจริงเอาจังกับงานออกแบบตัวถังภายนอกเพิ่มมากขึ้น และพวกเขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะแตกกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่น้อยนิดของตัวเองออกไป คุณจะเห็นว่าพวกเขามีการตัดออพชั่นบางอย่างของรถแล้วทำรถรุ่นล่างสุดออกมาเพื่อเรียกลูกค้าที่ต้องการนำรถไปเพื่อการใช้งานเป็นหลัก แต่ยังให้อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยเหมือนเดิม
เอ็กซ์ซี40 นั้นเป็นรถที่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบครันมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว การออกแบบภายนอกของรุ่นอินสคริปชั่นจะมาพร้อมสีตัวถังเดียวกันทั้งหมด แต่ถ้าชอบสีทูโทนแบบหลังคาดำก็ไปเลือกอาร์-ดีไซน์กันได้ ตัวรถนั้นโดดเด่นด้วยสัดส่วนการออกแบบแบบเอสยูวี ที่เน้นส่วนสูงของรถ และฝากระโปรงที่ยื่นล้ำไปด้านหน้าอย่างตั้งใจ
สีตัวถัง Thunder Grey Metallic ที่นำมาทดสอบสวยดีมาก และถ่ายรถออกมากับวิวไหนก็ดูเด่นออกมา จะมีให้เลือกแมตช์กับห้องโดยสารสีดำหรือสีแดง คันที่เอามาทดสอบก็เป็นสีแดงทั้งคัน ผมอาจจะไม่ค่อยชอบสีโทนนี้ล่ะมั้ง ก็เลยคิดว่าสีดำเข้มแบบเดิม ๆ ของวอลโว่น่าจะสวยกว่า พูดคำนี้วัยรุ่นก็จะหาว่าแอดกอล์ฟเชยจังเลย
ดีไซน์ด้านหน้าได้รับการถ่ายทอดเรื่องดีดีมากครบ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีโครเมียมขนาดใหญ่ กรอบโคมไฟหน้าแอลอีดี ที่มาพร้อมระบบหมุนตามองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยและระบบไฟสูงอัตโนมัติ มีการเพิ่มชุดแต่งสีดำและเงินรอบคันไปหมด โดยตำแหน่งการชาร์จไฟจะอยู่ที่เหนือซุ้มล้อหน้าด้านซ้าย เปิดได้ด้วยการกดที่ฝาเลย
ล้ออัลลอยลาย 5 ซี่คู่สีเงินสลับดำขนาด 19 นิ้ว มาพร้อมยาง 235/50 R19 ดิสก์เบรกขนาดพอเหมาะพอเจาะติดตั้งอยู่เห็นชัดเจน มือจับประตูขนาดใหญ่มาพร้อมระบบสมาร์ทเอนทรีที่บายประตูทั้ง 4 บาน ติดตั้งหลังคาพาโนรามิกซันรูฟมาให้ ที่กระจังหน้า ฝาท้ายและกระจกมองข้างเป็นตำแหน่งของกล้องมองภาพรอบคัน
หลังคาติดตั้งรูฟแร็คสีเงินมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งาน บานประตูท้ายแบบไฟฟ้ามาพร้อมระบบเปิดแบบไม่ต้องใช้มือสัมผัส แต่ต้องกะระยะการเตะใต้เซนเซอร์ให้ดี เพราะตำแหน่งของเซนเซอร์อยู่ที่ใต้กันชนฝั่งซ้าย ห้องเก็บสัมภาระมีขนาดใหญ่โตเอาเรื่อง และยังสามารถพับเบาะแถวสองเพิ่มเพื่อเก็บข้าวของได้อีกต่างหาก
มิติตัวถัง 2021 Volvo XC40 T5 Recharge |
กว้าง |
1,863 มิลลิเมตร |
ยาว |
4,425 มิลลิเมตร |
สูง |
1,652 มิลลิเมตร |
ระยะฐานล้อ |
2,702 มิลลิเมตร |
ความจุถังน้ำมัน |
49 ลิตร |
ภายในหรูเนี๊ยบ อุปกรณ์ครบ วัสดุยังไม่เนียนมือ
ห้องโดยสารภายในของวอลโว่ทุกรุ่นนั้นให้บรรยากาศที่ดูคล้ายคลึงกันไปหมดอยู่แล้ว จะแตกต่างกันก็เรื่องของการเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างกันไปบ้าง เอาเป็นว่าไม่ว่าคุณจะก้าวเข้าไปบนวอลโว่รุ่นไหน ก็จะต้องพบกับเจ้าจอสี่เหลี่ยมแนวตั้งขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ และห้องโดยสารที่คุมโทนด้วยสีเทาอ่อนของแผงคอนโซลหน้าเกือบทั้งหมด
ถ้าถามผมว่าอะไรที่ดูไม่คุ้นเคยในเอ็กซ์ซี40 เมื่อเทียบกับรถคันอื่น ๆ ก็น่าจะเป็นตำแหน่งของปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ที่ปกติจะคุ้นกับปุ่มแบบบิด ๆ ที่ตรงกลางคอนโซล ในรุ่นนี้ย้ายไปเป็นปุ่มกดด้านหลังพวงมาลัยแทน ทำให้ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่นั้นถูกย้ายไปติดตั้งที่ใต้หน้าจอสัมผัสแทน อันนี้คือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนที่สุด
แผงคอนโซลหน้าของรถรุ่นนี้ มองเผิน ๆ ก็จะไม่ได้แตกต่างอะไรมาก แต่หากสัมผัสดูก็จะพบว่าผิวสัมผัสของคอนโซลหน้าค่อนข้างแข็งกว่ารถรุ่นอื่น ๆ คือมันมีความเป็นพลาสติกธรรมดามาก แม้จะตัดด้วยลายไม้สีเทาลายใหม่ที่ดูสวยขึ้นแล้วก็ตาม พวงมาลัยจับถนัดมือและมาพร้อมปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยที่ใช้งานควบคุมระบบต่าง ๆ
ผมเองอาจจะไม่ค่อยชอบเบาะที่นั่งสีแดงที่ติดตั้งมาสักเท่าใด แถมยังมีความรู้สึกว่าเบาะที่นั่งตอนหลังนั้นดูบาง ๆ และไม่ค่อยรับน้ำหนัก ตำแหน่งการนั่งนั้น แม้จะเข้าออกง่าย และมีพื้นที่ขาเหลือเยอะ แต่นั่งทางไกลก็ยังมีอาการเมื่อยอยู่ แตกต่างจากเบาะหน้าที่รับสรีระของร่างกายได้ดีกว่า แม้ซัพพอร์ตหลังตอนบนจะถูกตัดออกไปก็ตาม
ห้องโดยสารถูกออกแบบให้โอ่โถงขึ้นด้วยการติดตั้งซันรูฟเข้ามาเพิ่มบรรยากาศ เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย เครื่องเสียงในรุ่นท็อปเป็น Harman Kardon ที่มาพร้อมแอมปลิฟายเออร์กำลังขับ 600 วัตต์และลำโพง 13 ตัว และระบบเสียงรอบทิศทางแบบควอนตัมเมจิก ที่ให้เสียงกระหึ่มชัดเจนทีเดียว
เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดครั้งแรกในรถเซกเมนต์นี้
ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดเป็นครั้งแรก ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตรที่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 82 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาทีพร้อมแรงบิด 160 นิวตันเมตร
พละกำลังรวมสูงสุดอยู่ที่ 262 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิด 425 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังเลือกใช้แบบอัตโนมัติดูอัลคลัตช์แบบ 7 สปีด มาพร้อมขับเคลื่อนล้อหน้า ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 10.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากสวีเดนเคลมว่า Volvo XC40 Recharge มีระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน ๆ อยู่ที่ 44 กิโลเมตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 52 กรัมต่อกิโลเมตร และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุด 43.5 กิโลเมตรต่อลิตรซึ่งเป็นอัตราการใช้งานที่วัดแบบเฉลี่ยทั้งการขับขี่ด้วยไฟฟ้าและเครื่องยนต์ผสานกัน แต่จะทำได้ดีขนาดไหนในการขับขี่จริงนะ
รายละเอียดทางเทคนิค Volvo XC40 Recharge |
เครื่องยนต์ |
ปลั๊กอินไฮบริด |
ความจุ |
1,477 ซีซี. |
กำลังเครื่องยนต์ |
180 แรงม้า |
แรงบิดเครื่องยนต์ |
265 นิวตันเมตร |
กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า |
82 แรงม้า |
แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้า |
160 นิวตันเมตร |
กำลังรวม |
262 แรงม้า |
แรงบิดรวม |
425 นิวตันเมตร |
0-100 กม./ชม. |
7.3 วินาที |
ความเร็วสูงสุด |
180 กม./ชม. |
วิ่งด้วยไฟฟ้า |
44 กิโลเมตร |
ว่องไวกว่าเดิม แต่ไฟฟ้ายังไม่เด่น ไม่ประหยัดขนาดนั้น
สิ่งที่ชื่นชอบมากเลยสำหรับรถคันนี้ก็คือการที่วอลโว่เองนั้นเลือกใช้เครื่องยนต์ปลั๊กอินมานำเสนอให้กับครอสโอเวอร์ขนาดเล็กของพวกเขาเป็นครั้งแรกในเซกเมนต์นี้ เพราะหากมองไปที่รถของคู่แข่งเกือบทั้งหมดในตลาด ก็ยังมีทางเลือกให้ลูกค้าเลือกได้เพียงแค่เครื่องยนต์เบนซินเท่านั้น จะบอกว่าพวกเขาเป็นผู้นำในเซกเมนต์นี้ก็คงไม่แปลก
สมรรถนะของรถนั้นดีขึ้นจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบรู้สึกได้ แต่นั่นก็หมายถึงคุณต้องมีไฟฟ้าในแบตเตอรี่ที่พร้อมออกมาสนับสนุนการขับขี่ของคุณเมื่อกดคันเร่ง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่เราจับได้จากเครื่องมือของเราอยู่ที่ประมาณ 8.81 วินาที ซึ่งเป็นการนั่ง 3 คนพร้อมของเต็มรถ เอาจริง ๆ ก็อาจจะได้แถว 8 วินาทีแถว ๆ นั้น
ความเร็วสูงสุดของรถที่กำหนดไว้ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไม่ใช่ปัญหาในการใช้งาน เพราะชีวิตจริงไม่ค่อยขับไปที่ย่านความเร็วนั้นอยู่แล้ว หลังจากใช้งานมาเกือบสัปดาห์ได้ หน้าจอแสดงผลอัตราการสิ้นเปลืองการขับขี่อยู่ที่ 8.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือประมาณ 11.9 กิโลเมตรต่อลิตร เทียบกับที่ไม่ได้ว่างเสียบปลั๊กชาร์จไฟเลยก็ไม่น่าเกลียด
เอาจริง ๆ แม้จะปรับมาใช้ระบบไฮบริดแล้ว แต่โดยส่วนตัวผมก็ยังคิดว่าระบบไฮบริดของวอลโว่เองก็ไม่ได้โดดเด่นจนทำให้เราร้องว้าว การขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนนั้นไม่มีทางทำได้ 40 กว่ากิโลเมตรตามที่ว่าไว้แน่ ๆ และการชาร์จไฟกลับระหว่างขับขี่ก็ดูดึงกำลังของเครื่องยนต์ไปใช้มากเอาเรื่องเหมือนกัน เท่าที่สัมผัสได้จากการใช้งานจริง
พูดแบบนี้หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าผมไม่ชอบรถคันนี้ ขอบอกเลยว่าพวกคุณกำลังคิดผิด เพราะผมก็ยังชื่นชอบในความปราดเปรียว คล่องตัวและใช้งานง่ายของมันมาก ช่วงล่างแบบไดนามิกที่เซตมาแบบไม่แข็งเกินไป แต่ไม่นุ่มยวบจนน่ารำคาญ มีการรองรับน้ำหนักและการกระแทกที่ดี แถมระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ที่ดีมากนั้นก็ยังชอบอยู่
ในใจก็ยังยกให้ระบบ Pilot Assist ที่เอาไว้ขับตามช่องทางจราจรได้อย่างชาญฉลาดเป็นพระเอกของวอลโว่ในยุคปัจจุบัน และมันพัฒนามาจนถึงขั้นเราไว้วางใจได้ในระดับสูงแล้ว ระบบที่จะควบคุมความเร็วของรถตามเส้นจราจรหรือวิ่งตามรถคันหน้าด้วยความเร็วที่เราตั้งไว้ และสามารถเบรกได้ในกรณีที่รถด้านหน้าชะลอตัวจนถึงจุดหยุดนิ่ง
ระบบที่ผมว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบความปลอดภัยที่วอลโว่เรียกรวม ๆ กันว่า IntelliSafe นอกจากระบบนี้แล้ว ยังมีระบบด้านความปลอดภัยอื่น ๆ อีกเป็นสิบระบบที่พร้อมช่วยเหลือและดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมไปถึงคนเดินถนน ที่เรียกว่าวอลโว่นั้นคำนึงถึงเพื่อนร่วมทางทั้งหมดกันอย่างจริงจังก็คงไม่เป็นการกล่าวที่เกินไป
ชอบระบบความปลอดภัยที่โดดเด่นกว่าคนอื่น
อย่างที่ผมบอกไปด้านบนว่าผมชอบระบบความปลอดภัยของวอลโว่ที่มีมาให้ท่วมคัน และยังเริ่มติดตั้งกันมาให้เต็มที่ตั้งแต่รุ่นเล็กสุดอย่างวอลโว่ เอ็กซ์ซี40 ก็เลยอยากมาไล่ให้ดูกันว่า นอกจากระบบไพลอต แอสซิสต์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอันแสนฉลาดนั้น พวกเขามีระบบอะไรให้ผมเลือกใช้งานได้อีกบ้าง
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งติดตั้งเป้นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถทุกรุ่นย่อย มาพร้อมระบบปกป้องเมื่อวิ่งตกถนน ระบบป้องกันการบาดเจ็บที่กระดูกต้นคอจากอาการสะบัด พร้อมด้วยระบบกระจายแรกกระแทกจากการชนด้านข้าง ระบบไฟหน้าแบบหักตามองศาพวงมาลัย ที่มาพร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมเซนเซอร์รอบคัน
เซนเซอร์หน้าสามารถตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน จักรยานและสัตว์ขนาดใหญ่ มาพร้อมฟังชั่นส์หยุดรถอัตโนมัติ เซนเซอร์ท้ายช่วยเตือนเมื่อมีรถวิ่เงเข้ามาตอนถอยจอด ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ กล้อง 360 องศา และระบบช่วยจอดทั้งแบบเข้าซองและแบบขนาน
ความโดดเด่นของวอลโว่ที่ผสานเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดยุคใหม่ มาใช้งานร่วมกับระบบความปลอดภัยที่มีมาให้เต็มพิกัด ถือเป็นข้อดีในการพัฒนารถยนต์ของพวกเขา ซึ่งทำให้ราคาจำหน่าย 2.39 ล้านบาทที่วางเอาไว้ อาจจะแพงกว่าคู่แข่งบางรุ่น แต่ก็แลกมาด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่า และความมั่นใจในการขับขี่รถยนต์คันนี้ที่เพิ่มขึ้น
ยิ่งถ้าซื้อรถของพวกเขาตอนนี้ ก็จะอุ่นใจเพิ่มขึ้นด้วยบริการรับประกันคุณภาพรถยนต์ 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรีอีก 1 ปี
งานนี้ใครที่มองหารถครอสโอเวอร์ขนาดเล็กที่ใช้งานในเมืองก็ดี ออกต่างจังหวัดก็ไม่เลว อย่าลืมไปลอง Volvo XC40 T5 Recharge ประกอบการเลือกอีกคันด้วยนะ!!!