Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ได้เผยโฉมรถ 2021 Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) รุ่นใหม่ล่าสุดเมื่อปลายปี 2020 โดยเป็นรถ SUV Plug-in hybrid ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรุ่นนี้เป็นรถ Plug-in hybrid ของค่ายที่เข้ามาทำการตลาดในไทย

สำหรับ 2021 Mitsubishi Outlander PHEV ที่กำลังจะมาถึงนี้จะสามารถท้าทายคู่แข่ง MG HS รถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ SUV Plug-in hybrid ได้หรือไม่ก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ก่อนจะไปวิเคราะห์ AutoFun จะพาไปรู้จัก Mitsubishi Outlander ว่ากว่าจะเป็นรุ่นโฉมที่เห็นปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมอย่างไรบ้าง

2001 Mitsubishi Outlander

Mitsubishi Outlander เปิดตัวเมื่อปี 2001 โดยทำการตลาดในรถยนต์ SUV ขนาดเล็กหรือ Compact SUV ซึ่งทำการตลาดในชื่อ Airtrek มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ DOHC ที่ให้กำลัง 126 แรงม้าและ 139 แรงม้า เครื่องยนต์ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ

ต่อมาในปี 2003 ทาง Mitsubishi ที่ทำการตลาดในอเมริกาเหนือได้เปลี่ยนชื่อเป็น Mitsubishi Montero Sport โดยมาการปรับโฉมกระจังหน้าและไฟหน้าให้มีความยาวเป็น 130 มิลลิเมตร โดยใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน Mitsubishi Grandis รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลาง เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร SOHC MIVEC ให้กำลัง 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและสี่ล้อ

2006 Mitsubishi Outlander

รุ่นที่ 2 ของ Mitsubishi Outlander ได้เปลี่ยนชื่อรุ่นทำการตลาดเป็น Outlander ใช้เครื่องยนต์ MIVEC DOHC ขนาด 2.4 ลิตร 16 วาล์วใหม่ ระบบเกียร์แบบแปรผันอย่างต่อเนื่อง (CVT) ซึ่งมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบควบคุมเสถียรภาพบนแพลตฟอร์ม Mitsubishi GS และเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Mitsubishi, Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) และ PSA Peugeot Citroen (พีเอสเอ เปอโฌต์ ซีตรอง)

ต่อมาในปีเดียวกันก็ได้เปิดตัวเวอร์ชั่น 3.0 ลิตร V6 SOHC MIVEC ในฝั่งอเมรกิกาเหนือ Mitsubishi Outlander มียอดขายสะสมทั่วโลกถึง 1.5 ล้านคัน ในเดือนตุลาคม 2016 เพียง 15 ปี หลังจากเปิดตัว Outlander ในตลาด SUV

2012 Mitsubishi Outlander

Mitsubishi Outlander เจนเนอเรชั่น 3 เปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ รุ่นที่ออกแบบใหม่นี้ตัวถังมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 90 กิโลกรัม และใช้เหล็กที่มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้มีอัตราการประหยัดน้ำมันดีขึ้นกว่าเดิม ภายในแผงหน้าปัดและประตูหน้าของ 2012 Mitsubishi Outlander หุ้มด้วยวัสดุ soft touch เบาะนั่งได้รับการออกแบบใหม่ ภายในยังใช้วัสดุฉนวนกันเสียงดีทำให้ห้องโดยสารเงียบกว่าเดิม

ด้านการขับเคลื่อน Mitsubishi Outlander เจนเนอเรชั่น 3 นี้ ระบบกันสะเทือนหน้าประกอบด้วยแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงและระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง ติดตั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าที่ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น ด้านความปลอดภัยก็มีการติดตั้งเพิ่ม ได้แก่ ระบบป้องกันการชนด้านหน้า ระบบเตือนการออกนอกเลน ถุงลมนิรภัยที่หัวเข่าคนขับเพื่อลดอาการบาดเจ็บที่ขาจากการชน และระบบควบคุมความเร็วคงที่ เป็นต้น

ต่อมาในปี 2016 ก็ได้มีการปรับโฉมที่เรียกว่า "Dynamic Shield" ที่เป็นพื้นฐานสำหรับรถยนต์ในอนาคตของ Mitsubishi ที่มีความแข็งแกร่งและสปอร์ตมากขึ้น มีการปรับปรุงทั้งไฟหน้า พวงมาลัย เบาะหลัง แผงควบคุมประตู อีกทังยังมีการใช้ฉนวนกันเสียงเพิ่มขึ้นเพื่อลดเสียงรบกวน จากนั้นปี 2018 Outlander ได้รับการปรับโฉมอีกครั้งสำหรับรุ่นปี 2019 การเปลี่ยนแปลงรวมถึงกระจังหน้า กันชนหน้า และหลัง และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วใหม่

หลังจากที่เปิดตัว Mitsubishi Outlander เจนเนอเรชั่น 3 ทาง Mitsubishi ก็ได้เปิดตัว Mitsubishi  Outlander PHEV ตามออกมา ซึ่งรุ่นนี้เป็นหนึ่งในรุ่นย่อยของ Mitsubishi Outlander ในเวอร์ชั่นปลั๊กอินไฮบริด ที่ทำการตลาดในกลุ่มรถ SUV ครอสโอเวอร์ โดยเป็นรุ่นสำคัญที่บุกตลาดยุโรป จากนั้นปี 2015 ก็มีการส่งไปยังสหรัฐ

Mitsubishi  Outlander PHEV ออกแบบกระจังหน้าทรง X หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Advanced Dynamic Shield ระบบการขับเคลื่อนในส่วนเครื่องยนต์ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยีล่าสุดอย่างระบบวาล์วแปรผันเจนเนอเรชั่นใหม่ในเวลานั้น ด้านมอเตอร์ไฟฟ้าพัฒนาจากระบบ Mitsubishi innovative Electric Vehicle ที่ใช้ในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน จากการทดสอบวิ่งด้วยโหมดไฮบริดแบบน้ำมันเบนซินเต็มถังสามารถวิ่งได้ถึง 880 กิโลเมตร วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 55 กิโลเมตร ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ไฟฟ้าแบบซิงเกิลสปีดเฉพาะรุ่น Multi-Mode eTransmssion จุดเด่นของ Mitsubishi  Outlander PHEV คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

สำหรับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ Mitsubishi  Outlander PHEV ถือว่าทำอัตราได้ดีพอสมควร โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 40 กรัม/กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC, 46 กรัม/กิโลเมตร. ตามมาตรฐานใหม่ WLTP และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 55 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐาน NEDC และ 50 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐาน WLTP

2021 Mitsubishi  Outlander PHEV

2021 Mitsubishi  Outlander PHEV รถอเนกประสงค์พลังไฮบริดนี้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยแล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2020 และเตรียมวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ซึ่ง Mitsubishi  Outlander PHEV มีการจัดจำหน่ายในต่างประเทศนานแล้ว แต่เพิ่งจะเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ตอบโจทย์

Mitsubishi Outlander การออกแบบภายนอก

ดีไซน์ภายนอกของ 2021 Mitsubishi  Outlander PHEV รุ่นเวอร์ชั่นไทยนี้ มาพร้อมหน้าตาตามสไตล์ความเป็น Mitsubishi อย่าง Dynamic Shield ตั้งแต่กระจังหน้าโครเมียมสีดำที่มาพร้อมไฟหน้า Projector Lens Twin LED ส่องสว่างคู่กับไฟส่องสว่างกลางวัน LED Daytime Running Lights ไฟหน้าเป็นแบบระบบเปิดปิดอัตโนมัติ มีไฟตัดหมอกแบบ LED ทรงกลมพร้อมกรอบเหลี่ยมและระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์ Coming Home Light เสริมความปลอดภัยในการเดินทาง

ด้านกระจกมองข้างสามารถปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองข้างพร้อมที่มาพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ไฟท้ายเป็นแบบ LED ฝาท้ายสามารถเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้าที่มีระบบป้องกันการหนีบด้านฝาท้ายมาให้ สปอยเลอร์หลังมาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ด้านล่างเป็นล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว

Mitsubishi Outlander การออกแบบภายใน

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำ วัสดุตกแต่งภายในเป็นสีเงินและลายกราฟฟิกสีดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Diamond Quilting เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังสามาระแยกพับอิสระ 60:40 เพิ่มเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารให้กว้างขวางขึ้น พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังที่มาพร้อมสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ที่ช่วยให้มั่นใจในการเดินทาง รถบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารเป็นแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้ายขวา Dual Zone มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

เทคโนโลยีตัวช่วยในการขับขี่ก็มีมาให้เช่นระบบสั่งงานด้วยเสียง สวิตซ์เลือกโหมดการขับขี่ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) ระบบ Auto Brake Hold ระบบกุญแจอัจฉริยะ (KOS) ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) คอนโซลกลางมีหน้าจอเครื่องเสียงแบบระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้วที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ด้วย

Mitsubishi Outlander ขุมพลัง

2021 Mitsubishi  Outlander PHEV เป็นรถ Plug-in Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC MIVEC ECI-Multi ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานส่งพลังคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnetic Motor 2 ตัว ที่ด้านหน้าให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 137 นิวตันเมตร ด้านหลังให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 195 นิวตันเมตร เมื่อทำงานประสานกันให้กำลังรวม 305 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ  AWD

2021 Mitsubishi Outlander PHEV ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 300 volts ความจุ 13.8 kWh หากชาร์จไฟด้วยระบบ AC 3.7 kW 230V 16A 0-100% ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที และถ้าชาร์จไฟฟ้าด้วย CHAdeMO Fast Charge 0-80% จะใช้เวลา 25 นาที วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 55 กิโลเมตร Mitsubishi  Outlander PHEV มีโหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดอีวีที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน โหมดซีรีย์ไฮบริด ที่ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และโหมดพาราเรลไฮบริดที่เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนพร้อมกัน

ด้านระบบความปลอดภัยก็มีทั้งระบบปกป้องและป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA)  ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW) ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA) ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC - Adaptive Cruise Control) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS) และกล้องมองภาพรอบคัน

สำหรับ 2021 Mitsubishi Outlander PHEV มีให้เลือก 2 รุ่นได้แก่ 2.4 PHEV GT 4WD  1.64 ล้านบาท และ 2.4 PHEV GT-Premium 4WD  1.749 ล้านบาท ซึ่งรุ่นนี้ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างตอบโจทย์ยุคในปัจจุบัน แต่จะสามารถท้าทาย MG HS PHEV ที่ราคาเริ่มต้น 1.359 ล้านบาทได้หรือไม่ก็ต้องรอดูกันต่อไป