ดูเหมือนว่ารถในตลาด SUV กำลังมาแรงพอสมควร หลายค่ายหลายแบรนด์ก็ต่างเปิดตัวแข่งขันกันอย่างดุเดือด และ Honda ก็เช่นกัน ซึ่งก็มีข่าวออกมาว่าเตรียมจะเปิดตัว 2021 All-New Honda HR-V (2021 ฮอนด้า เอชอาร์วี) ในปีหน้า Honda HR-V เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ในกลุ่ม B-Segment ด้วยการตกแต่งที่ทันสมัย รูปทรงแข็งแรงพร้อมลุย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกช่วยขับขี่ดีเยี่ยม 2021 All-New Honda HR-V นับเป็นเจนเนอร์เรชั่น 3 ที่พัฒนาจากเจนเนอร์เรชั่น 2 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปี 2018 และคาดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งรถอเนกประสงค์ที่น่าจับตามอง

สำหรับ 2021 All-New Honda HR-V รุ่นโฉมใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ และเมื่อออกมาคราวนี้จะสามารถทำให้สู้กับคู่แข่งอย่าง Toyota C-HR หรือ Mazda CX-30 ที่ทำตลาดในกลุ่มรถ SUV ได้หรือไม่ต้องรอดูต่อไป ก่อนที่จะรู้จักกับ 2021 All-New Honda HR-V เรามาย้อนดู Honda HR-V รุ่นในอดีตว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ก่อน 2021 All-New Honda HR-V จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า

2014-2017 Honda HR-V

Honda HR-V เป็นรถอเนกประสงค์สมรรถนะสูงที่เปิดตัวโฉมแรกในปี 1998 โดยทำการตลาดในปี 1998-2006 ซึ่งพื้นฐานจาก Honda Logo ทำการตลาดในกลุ่มประเทศญี่ปุ่นและแถบเอเชีย-แปซิฟิกบางประเทศ รุ่นที่ 2 มีพื้นฐานจาก Honda Jazz ในญี่ปุ่น Honda HR-V ใช้ชื่อ Honda Vezel โดยได้เริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2013 ส่วนทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปออสเตรเลีย ประเทศบราซิล และบางประเทศในแถบเอเชีย ได้ทำการตลาดในปี 2015

สำหรับประเทศไทย Honda HR-V รุ่นแรกที่จำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเปิดตัวเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2014 รถอเนกประสงค์ Honda HR-V รุ่นแรกเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยยอดขายสะสมสูงกว่า 1.5 ล้านคัน โดยในประเทศไทยมียอดขายทั้งสิ้น 66,000 คัน ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดในตลาด SUV 3 ปีซ้อน ดีไซน์ภายนอกของ 2014 Honda HR-V ออกแบบตามแนวคิด Dynamic Cross Solid มีความยาว 4,295 มม. กว้าง 1,770 มม. สูง 1,605 มม. อยู่บนฐานล้อ 2,610 มม. ใช้รูปแบบตัวถัง 5 ประตูสไตล์แฮทช์แบค

ภายในห้องโดยสารออกแบบเน้นความกว้างขวาง พื้นที่เหนือแผงคอนโซลโปร่งโล่ง หลังคาแบบ Panoramic Sunfoof พร้อมระบบเปิดปิดแบบ One-Touch เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีพร้อม เช่น หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงไฟควบคุม มาตรวัดเรืองแสง พร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่ ช่องเชื่อมต่อ USB

2014 Honda HR-V ขังเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.8 ลิตรที่รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 โดยให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 170 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ CVT มาพร้อมเทคโนโลยี Earth Dreams มีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และระบบช่วยการขับแบบประหยัด Eco Assist พร้อมแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด Eco Coaching และมีปุ่ม Econ Mode ที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง

2018-2020 Honda HR-V

2018 Honda HR-V เป็นเจนเนอร์เรชั่น 2 ของรุ่นนี้ที่ได้ได้เผยโฉมและข้อมูลทางออนไลน์ก่อนในวันที่ 15 มิถุนายน 2018 โดย 2018 Honda HR-V เป็นการไมเนอร์เชนจ์ ไฮไลท์ของรุ่นนี้ก็คือ รุ่นท๊อป RS ใหม่ มีสีใหม่เพิ่มขึ้น นั่นคือสีแดงแพสชั่น (มุก) เทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System)

ภายนอก 2018 Honda HR-V ออกแบบสไตล์สปอร์ต เน้นความทันสมัย ขนาดรถกำลังดีไม่ใหญ่มากจนเกินไป รูปทรงปราดเปรียวไม่ต้านลมขับได้คล่องตัว กระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบโครเมียมสีดำที่มีความแข็งแรง  ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ที่ส่องสว่างชัดเจน มีกันชนหน้าหลังโทนสีดำ ล็อแม็กซ์ลายใหม่เพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถ

ห้องโดยสารด้านในกว้าง การตกแต่งภายในหรูหราสไตล์สปอร์ต เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ที่สามารถปรับพับเพื่อรองรับการขนย้ายสัมภาระที่หลากหลายในทุกรูปแบบ อุปกรณ์ภายในรถถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย ผู้ขับสามารถสั่งการจากพวงมาลัยได้โดยไม่ตำเป็นต้องละสายตาจากถนน มีหน้าจอแสดงผลข้อมูลชัดเจน ทุกระบบสั่งการด้วยไฟฟ้า ควบคุมง่าย ทั้งยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ช่วยให้มั่นใจในการเดินทาง เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) 

2018 Honda HR-V ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 172 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ CVT ใหม่ที่รองรับการใช้น้ำมัน  E85 ที่ช่วยประหยัดน้ำมัน เครื่องยน์สะอาดและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ต่อมามิถุนายนปี 2019 Honda HR-V ก็ได้เพิ่มการตกแต่งสีห้องโดยสารใหม่ และเพิ่มสีตัวถังให้เลือกมากขึ้น ด้วยสีใหม่ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมมากกว่าเดิม โดยรุ่นย่อย RS เพิ่มสีภายในใหม่เป็นสีแดงออกซ์บลัด รุ่นย่อย EL เพิ่มสีภายในใหม่เป็นไอวอรี่/ดำ รุ่นอื่นเพิ่มสีภายในสีดำ ซึ่ง 2018 Honda HR-V มียอดขายสะสมรวม 3,667 คัน เรียกได้ว่าก็ยังอยู่ในอันดับต้นของตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดกลาง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ก็ตาม

2021 All New Honda HR-V

ภายนอก 2021 All New Honda HR-V

สำหรับ Honda HR-V เป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์ขนาดกลางที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และล่าสุดก็มีกระแสข่าวออกมาว่าอีกไม่นาน 2021 All New Honda HR-V กำลังจะเปิดตัว โดยจะเจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัวเป็นหลัก การออกแบบกว้างขวางเน้นพื้นที่ใช้สอย และดูเหมือนว่าจะมีการปรับโฉมใหม่ของรถทั้งคัน ซึ่งชัดเจนแล้วว่ารุ่นใหม่ที่กำลังจะเผยโฉมนี้มีขนาดขึ้นย จุดน่าสนใจคือ 2021 All-new Honda HR-V น่าจะมีหลังคาเตี้ยลงแทนเส้นลาดโค้งแบบโฉมปัจจุบัน แต่มือจับประตูยังไว้ตำแหน่งเดิม ส่วนเสา C ออกแบบให้เฉียงกว่าเดิม เพื่อให้ได้สไตล์ SUV Sport Coupe

มิติตัวถัง

ภายใน 2021 All New Honda HR-V

ภายในดีไซน์ยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่คาดว่าน่าจะเน้นประโยชน์การใช้สอยเพิ่มขึ้น มีความหรูหราพรีเมียมมากขึ้น หน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสอาจถูกย้ายจากการฝังบนแผงแดชบอร์ดไปเป็นติดตั้งด้านบนแทนคล้ายกับ Honda Civc เจนเนอร์เรชั่นใหม่ บนคอนโซลกลางของ All-New HR-V จะติดตั้งสวิทช์ทรงกลมสำหรับการหมุนและกดเพื่อควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานของตัวรถ

ขุมพลังเครื่องยนต์ 2021 All New Honda HR-V

ส่วนขุมพลังเป็นเครื่องยนต์แบบเบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ รุ่นเดียวกับ Honda Civic ที่เป็น 4 สูบ DOHC V-TEC 16 วาล์ว ที่มีปริมาตรกระบอกสูบ 1,498 cc. อัตราส่วนกำลังอัด 10.6 : 1 กำลังแรงม้าสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที และส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT สำหรับในบางประเทศอาจได้เห็น All New Honda HR-V แบบไฮบริด e:HEV ที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวคล้ายกับขุมพลัง Honda Jazz

แม้ว่าตอนนี้ข้อมูลอย่างเป็นทางการของ 2021 All-New Honda HR-V ยังมีไม่มากนัก แต่เท่าที่พอจะรู้ก็คือ 2021 All-New Honda HR-V จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปโฉมและเครื่องยนต์ อีกทั้งยังมีขุมพลังไฮบริดและเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เพื่อที่จะทำการตลาดคู่กับคู่แข่งอย่าง 2020 Toyota Corolla Cross และ 2020 Mazda CX-30 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าใครจะสามารถครองตลาดรถกลุ่มนี้ได้