2021 Mazda BT-50 (2021 มาสด้า บีที-50 ) เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมกับความคาดหมายว่าจะสู้ศึกชิงอันดับ 3 ต่อกรกับ Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน ) และ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์ )
All-New 2021 BT-50 พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับเจ้าตลาดอย่าง Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแม็กซ์ ) จึงมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยต่าง ๆ ใกล้เคียงกัน แต่รูปลักษณ์ภายนอกแตกต่างกันอย่างชัดเจน Mazda ใส่แนวคิดการออกแบบ KODO Design ผสานความหรูหรา ทรงพลังและความแข็งแกร่งสไตล์รถปิกอัพเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ยอดขายสะสมรถกระบะ มกราคม-พฤศจิกายน 2020
1. Isuzu D-Max
141,568 คัน
2. Toyota Hilux Revo
112,479 คัน
3. Mitsubishi Triton
23,317 คัน
4. Ford Ranger
20,769 คัน
5. Nissan Navara
12,564 คัน
ยอดขายสะสมของ BT-50 รุ่นเดิมระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2020 อยู่ที่เพียง 2,710 คันเท่านั้น ขณะที่ Triton และ Ranger มียอดขายอยู่ที่ 23,317 คันและ 20,769 คันตามลำดับ ดังนั้นถ้า Mazda ต้องการผงาดขึ้นที่ 3 ตลาดรถกระบะเมืองไทยในปีใหม่นี้ พวกเขาต้องปั้นยอดขายให้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลยทีเดียว คำถามคือ BT-50 ใหม่มีศักยภาพดีพอหรือไม่ เรามาชมกันเลย
Mazda BT-50
Ford Ranger
Nissan Navara
Mitsubishi Triton
ความยาว (มม.)
5,280
5,434
5,260
5,300
ความกว้าง (มม.)
1,870
1,867
1,875
1,815
ความสูง (มม.)
1,810
1,848
1,840
1,795
ระยะฐานล้อ
3,125
3,220
3,150
3,000
รูปลักษณ์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
Mazda BT-50 3.0 SP 6AT
ตามที่ระบุไว้ข้างต้น การออกแบบด้วยเอกลักษณ์ KODO และซิกเนเจอร์วิงส์ ทำให้ 2021 BT-50 มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตามากทีเดียว มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED รูปทรงโฉบเฉี่ยวและเป็นทรงกระบอก พร้อมเดย์ไลท์ ส่วนไฟท้ายก็เป็นรูปทรงกระบอกเช่นเดียวกับไฟหน้าแต่ไม่ใช่ LED ล้ออัลลอยมีขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารติดตั้งมาตรวัดแบบอนาล็อก 2 ชุด โดยมีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่อยู่ตรงกลาง และมีแผงหน้าปัดด้านหลังสีดำสนิท บนคอนโซลมีหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง WXGA ขนาด 7 นิ้ว หรือ 9 นิ้ว ซึ่งตั้งอยู่ด้านบนของคอนโซลหน้า และยังมีจอแสดงผล Multi-information Display ขนาด 4.2 นิ้ว ที่สามารถควบคุมระบบนำทางด้วยการสัมผัสได้ และยังมี Apple CarPlay® และฟังก์ชั่น Android Auto™ และในบางรุ่นยังรองรับฟังก์ชั่นการควบคุมการทำงานด้วยเสียง อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีปุ่มสตาร์ท กุญแจอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
Ford Ranger Wildtrak 2.0 Bi-Turbo Wildtrak 4×4 10A/T
Ranger ถูกปรับโฉมล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มาพร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ ตะแกรงสีดำตัดขอบด้วยสีส้ม Saber ที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับรุ่น Wildtrak เท่านั้น พร้อมโลโก้ Ford สีดำสไตล์สปอร์ต อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกสีดำที่ดูสปอร์ตดุดันยิ่งขึ้น ทั้ง ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว มือเปิดประตู กรอบกระจกมองข้าง ช่องลมข้างบังโคลน ราวหลังคา สปอร์ตบาร์ และ กันชนหลัง
ขณะที่ไฟหน้าได้รับการออกแบบมาให้สีเข้มขึ้น และนับเป็นครั้งแรกที่ Ford แนะนำอุปกรณ์เสริมใหม่ ชุดปิดฝากระบะท้ายควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า (Power roller shutter) สำหรับ Ranger Wildtrak เฉพาะรุ่น
2021 Ranger มาพร้อมเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปุ่มสตาร์ทและกุญแจอัจฉริยะ หน้าจอข้อมูลบนหน้าปัดคู่ข้างละ 4.2 นิ้ว ส่วนบนแดชบอร์ดมีหน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มีระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC ภาษาไทย และมีลำโพง 6 ตำแหน่ง
Nissan Navara DC Calibre VL 4WD
Navara ได้รับการปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนเช่นเดียวกัน มาพร้อมแนวคิด “Unbreakable” กระจังหน้าแบบ Interlock ที่เป็นเอกลักษณ์การออกแบบรถกระบะเหมือนกับรุ่นใหญ่อย่าง Nissan Titan มีโครงตะแกรงที่เชื่อมต่อกันสื่อความรู้สึกเหมือนกำลังที่พุ่งทะยานไปข้างหน้า ทั้งนี้ภาพประกอบที่เรานำเสนอเป็นรุ่น Pro-4X
ไฟหน้าของ Navara ใหม่เป็นแบบ LED Projectors Quad-eyed รูปตัว C แบบโปรเจคเตอร์สี่ดวง เปิด-ปิดอัตโนมัติ มีไฟเดย์ไลท์ LED ไฟท้าย LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED คิ้วขอบล้อสีดำพร้อมแผงไฟสะท้อนแสงสีส้ม ล้ออัลลอยแบบออฟโรดสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว ฝากระบะท้ายแบบมีระบบผ่อนแรง
ภายในของ Navara มีกระจกกันเสียงรบกวนจากภายนอกแบบ Noise-reducing acoustic glass บนแดชบอร์ดมีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อมจอแสดงผลการทำงาน TFT แบบสามมิติบนมาตรวัดมีขนาด 7 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์ตอนหลัง ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์และระบบกุญแจอัจฉริยะ
เบาะผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (รุ่น Pro4X ไม่มีปรับไฟฟ้า) นอกจากนี้ยังมีระบบ Nissan Connect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับตัวรถ รองรับการเปิดใช้งานความบันเทิงต่าง ๆ เช่น ฟังเพลงผ่านบลูทูธ ระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ พร้อมระบบนำทางเนวิเกชั่น
Mitsubishi Triton Athlete GT Premium 4WD
Triton Athlete GT Premium 4WD เป็นกระบะตัวท็อปจากค่าย Mitsubishi สะดุดตามาแต่ไกลด้วยการตกแต่งสไตล์ Athlete ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-LED เปิด-ปิดอัตโนมัติและปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ มีเดย์ไลท์ LED ส่วนไฟท้ายและไฟเบรกแบบ LED พร้อม LED Light Guide สติกเกอร์ด้านข้างตัวรถลายสปอร์ต และมีสัญลักษณ์ "ATHLETE" บนฝากระบะท้าย ส่วนหลังคาพ่นสีดำเน้นความดุดัน ล้ออัลลอยใช้ขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารใช้โทนสีดำสลับสีส้ม ตกแต่งด้วยวัสดุหนังทั้งเบาะนั่ง หัวเกียร์และพวงมาลัย เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ บนคอนโซลมีหน้าจอทัชสกรีนดีไซน์ใหม่ขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เชื่อมต่อไร้สายบลูทูธ ลำโพง 6 ตำแหน่ง
เครื่องยนต์
Mazda BT-50
Ford Ranger
Nissan Navara
Mitsubishi Triton
เครื่องยนต์
ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบ
ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบคู่
ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบคู่
ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบ
ขนาด
2,999 ซีซีหรือ 3.0 ลิตร
1,996 ซีซีหรือ2.0 ลิตร
2,298 ซีซีหรือ 2.3 ลิตร
2,442 ซีซีหรือ 2.4 ลิตร
พละกำลัง
190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที
213 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที
190 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที
181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที
แรงบิด
450 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 2,600 รอบต่อนาที
500 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,000 รอบต่อนาที
450 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 2,500 รอบต่อนาที
430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ขุมพลังที่เรานำมาเปรียบเทียบกันในตารางข้างต้นนี้เป็นรุ่นท็อปไลน์ทั้งหมด โดยจะเห็นได้ว่า Ranger ยังคงเป็นรถกระบะที่ทรงพลังที่สุดในเมืองไทย ขณะที่ Navara หลังจากปรับมาใหม่ในปีที่แล้วใส่เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ก็ถือว่าปิดจุดอ่อนของรุ่นเดิมได้เป็นอย่างดี
ส่วน All-New BT-50 ใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกับ D-Max จึงการันตีในระดับหนึ่งถึงความทนทานและความประหยัดน้ำมัน ทางด้าน Triton มีพละกำลังทั้งแรงม้าและแรงบิดน้อยที่สุดในกลุ่มนี้
ห้องโดยสาร 2021 Mazda BT-50
ห้องโดยสาร 2021 Ford Ranger
ห้องโดยสาร 2021 Nissan Navara
ห้องโดยสาร 2020 Mitsubishi Triton
ระบบความปลอดภัย
Mazda BT-50
Ford Ranger
Nissan Navara
Mitsubishi Triton
ถุงลมนิรภัย
6 ตำแหน่ง
6 ตำแหน่ง
7 ตำแหน่ง
2 ตำแหน่ง
ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า
-
มี
มี
-
ระบบเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถและคนเดินถนน
-
มี
-
-
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา
มี
-
มี
มี
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
มี
มี
มี
มี
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
มี
มี
มี
มี
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
มี
มี
มี
มี
ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร
-
มี
มี
-
กล้องมองภาพรอบทิศทาง
-
-
มี
มี
กล้องมองหลังขณะถอยจอด
มี
มี
มี
มี
ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย
มี
-
มี
มี
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
มี
-
มี
มี
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
-
มี
-
-
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง
-
มี
มี
-
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ
-
มี
-
-
ราคาจำหน่าย
Mazda BT-50 3.0 SP 6AT
1,153,000 บาท
Ford Ranger Wildtrak 2.0 Bi-Turbo Wildtrak 4×4 10A/T
1,265,000 บาท
Nissan Navara DC Calibre VL 4WD
1,129,000 บาท
Mitsubishi Triton Athlete GT Premium 4WD
1,156,000 บาท
สรุป
การพลิกโฉมของ Mazda BT-50 ใหม่นั้นถือว่าน่าสนใจมากทีเดียวกับการยกระดับรถกระบะให้ใกล้เคียงกับบุคลิกแบบรถยนต์นั่งมากขึ้นโดยเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังคงความแข็งแกร่งสไตล์รถเพื่อการพาณิชย์อยู่เช่นเดิม น่าจับตามองตัวเลขยอดขายว่าจะสร้างความสำเร็จได้หรือไม่ หลังจากออกจำหน่ายจริงตั้งแต่เดือนมกราคมนี้เป็นต้นไป
แต่ดูแล้วไม่ใช่งานง่ายแน่นอน เพราะต้องแย่งตำแหน่งท็อป 3 รถกระบะกับคู่แข่งอันโหดหิน ไม่ว่าจะเป็น Triton และ Ranger รวมถึงตัวสอดแทรกอย่าง Navara พูดได้ว่าทุกรุ่นมีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมากจนการตัดสินใจเป็นเจ้าของในขั้นสุดท้ายนั้นอาจขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนตัวในแต่ละแบรนด์กันเลยทีเดียว