จากการเปิดตัวกระบะโฉมใหม่ของ 2020 Mazda BT-50 ที่ได้รับปรับเปลี่ยนหน้าตา และได้รับพื้นฐานการพัฒนามาจาก Isuzu D-Max จากในอดีตที่ บีที-50 ใช้แพลตฟอร์มตัวเดียวกันกับ Ford Ranger และผลิตที่โรงงาน AAT (Auto Alliance Thailand) ณ ระยอง ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน แม้มีอดีตร่วมกับฟอร์ดถึง 40 กว่าปี เหตุไฉนมาสด้าถึงเลือกไปซบที่อกเจ้ากระบะใหม่อย่างอีซูซุ
ทำไม Mazda ถึงแยกทางกับ Ford?
มาสด้าเองนั้นไม่มีกำลังการผลิตพอในไทย ที่โรงงาน AAT นั้นหลัก ๆ ใช้ผลิต Mazda 2 , CX-3 และโมเดลอื่น ๆ ของฟอร์ด การมาของ BT-50 จะทำให้ต้องขยายการผลิตให้มากขึ้น ดังนั้นเอง เนื่องจากโรงงานที่เต็มอยู่แล้ว จึงต้องเลือกที่จะออกมาเพื่อรองรับการผลิตได้มากกว่า รวมถึงเรื่องระหองระแหงอื่น ๆ แต่ยังไม่ใช่ประเด็นในวันนี้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
แล้วจะไปร่วมมือกับใครดี?
ทางมาสด้าเองมีอยู่ไม่กี่ทางเลือก เมื่อคิดถึงเจ้าตลาดของรถกระบะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย อีซูซุจึงเป็นทางเลือกดีที่สุด เพราะไม่ได้มีดีแค่กระบะ แต่ยังมีรถบรรทุกและรถบัสที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และตลาดใหญ่ยังมีออสเตรเลียและยุโรปอีกด้วย
หลายคนบอกว่าดีแมกซ์นั้นอาจจะไม่ดีหรือสวยงามอย่างเรนเจอร์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อีซูซุเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยยอดขายดีแมกซ์อยู่ที่ 2.1 ล้านคันทั่วโลก เป็นที่ยอมรับกันว่าเครื่องนั้นทนทานมาก
แม้เมื่อดูสเปคแล้วเครื่องของดีแมกซ์จะมีกำลังน้อย อืด นั่นก็เพราะว่ามันได้รับการจูนให้ประหยัดน้ำมัน และทนทานต่อการใช้งาน หากลองถามนักซิ่งกระบะสาย Drag ชาวไทยดู ว่าทำไมถึงเลือกใช้ดีแมกซ์ มากกว่าวีโก้ ก็เพราะว่าเครื่องดีมาตั้งแต่โรงงาน ทำแรงง่าย กล่องจูนง่าย ได้ม้าเยอะ ทนบูสต์ วิ่งแดร็คกันประมาณ 7 วินาทีได้ แถมอะไหล่ยังหาง่ายเอามาก ๆ อีกด้วย
ด้วยชื่อเสียงขนาดนี้ สิ่งที่มาสด้าต้องทำ ก็แค่ทำการเปลี่ยนหน้าตาให้ไปตามการดีไซน์แบบ “Kodo Style” ดังที่จะเป็นมาตรฐานในปัจจุบัน ซึ่งจะทำการผลิตในโรงงานของอีซูซุที่สมุทรปราการ ร่วมกันกับดีแมกซ์
จะไม่มาเป็นคู่แข่งกับ Isuzu หรือ
พูดกันตามตรงว่า แม้จะเป็นกระบะที่น่าใช้งานทั้งคู่ แต่ก็มีมาเพื่อกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน ความเป็น Mazda ก็จะเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสวยงามที่โดดเด่น มีเทคโนโลยีไฮเทค แต่ Isuzu นั้นก็จะมาเพื่อกับกลุ่มคนที่ใช้งานหนักอย่างจริงจัง เน้นซ่อมง่ายไม่จุกจิก ไม่สนหน้าตา จึงคิดว่าเป็นการร่วมมือที่เข้ากันได้
แล้วทั้งคู่จะได้อะไรจากกันและกัน
จากการมองดูแล้ว Mazda หากร่วมกันกับ Isuzu สิ่งที่อาจจะได้คือการพัฒนาตัวรถให้ทนทานกว่าเดิม และจะซ่อมง่ายขึ้น อะไหล่หาได้ไม่ยาก
ทาง Mazda เองก็มีข้อดีด้านระบบความปลอดภัยรถที่ให้มาเรียกได้ว่า “ยุงไม่ให้กัด ไรไม่ให้ตอม” คนขับกันเลย ที่เด่น ๆ คือ i-Activesense ที่จะช่วยเลี่ยงอุบัติเหตุบนถนน หาก Isuzu รับตรงนี้ไป จะช่วยยกระดับความปลอดภัยรถให้มากขึ้นกว่าเดิมได้ และสิ่งสำคัญที่อีซูซุจะได้ คือ ประโยชน์จากการจัดการด้านการผลิตนั่นเอง
แบงค์ให้ 3 คำ: “น่า ติด ตาม”
ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องน่าสนใจ ถ้า Mazda BT-50 .ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาจะออกมาเป็นอย่างไร จะกลายเป็นทางเลือกกระบะใหม่ของคนไทยได้หรือไม่ และ Isuzu เองหากได้รับความปลอดภัยมากขึ้น หรือแรงกว่าเดิม จะลบเสียงบ่นของแฟน ๆ ได้หรือเปล่า แต่ดาดเดาได้เลยว่า ขายดีแน่นอน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });