แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้ใช้งานได้ครอบจักรวาลเหมือนเดนโดะ ไดร์ฟ เฮาส์ ซึ่งถือเป็นห่วงโซ่ระดับสูงสุดของแบรนด์ แต่ในเชิงของเทคโนโลยี ระบบความปลอดภัย และความเป็นมิตรกับผู้ใช้งานด้วยแพคเกจต่าง ๆ มากมายที่มีมาให้ จะเป็นจุดขายหลักของรถคันนี้ในการทำตลาด ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจะมัดใจผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างแน่นอน
อะไรคือจุดขายของ Mitsubishi Outlander PHEV
หากคิดว่าราคาที่เปิดมาอาจจะไม่ใช่จุดขายที่ดีนักของรถ โดยเฉพาะเมื่อมีคู่เทียบที่ถูกกว่ากันพอสมควร ผู้บริหารของมิตซูบิชิบอกว่า สิ่งที่จะทำให้พวกเขาโดดเด่นขึ้นมาก็คือเทคโนโลยีของรถที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรถในระดับตำนานอย่าง Mitsubishi Pajero และ Mitsubishi Evolution X ที่ล้วนแล้วแต่ถ่ายทอดมาสู่รถคันนี้อย่างเต็มรูปแบบ
เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยการขับเคลื่อนหลักเป็นเรื่องของมอเตอร์ไฟฟ้า มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เหนือกว่าคู่แข่ง พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย สามารถพารถคันนี้ไปได้ในทุกที่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นจุดขายทางด้านสมรรถนะการขับเคลื่อนที่เหนือกว่าคู่แข่งอีกค่ายอย่างค่อนข้างจะชัดเจนเลยทีเดียว
นอกจากนี้ มิตซูบิชิคุยว่าพวกเขาทำให้ลูกค้าใช้งานรถคันนี้ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยออกค่าติดตั้ง Wall Charge มูลค่า 2 หมื่นบาท พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี หรือ 1.6 แสนกิโลเมตร เซอร์วิส แพ็กเกจ 5 ปี ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี และรับประกันคุณภาพพร้อมค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี
การออกแบบภายนอกที่ไม่ได้ขี้เหร่
2020 Mitsubishi Outlander PHEV ภายนอกนั้นไม่ได้ทำการปรับแต่งอะไรจากรุ่นที่เปิดตัวมาหลายปี แม้ผู้บริหารจะบอกว่านี่คือรถรุ่นที่ใหม่ล่าสุดก็ตาม แต่หากมองในแง่ดีไซน์ก็ดูไม่ได้ทันสมัยโฉบเฉี่ยวอะไรนัก ด้วยมิติตัวถังกว้าง 1,810 มิลลิเมตร ยาว 4,695 มิลลิเมตรและสูง 1,710 มิลลิเมตร โดยมาพร้อมระยะฐานล้อยาว 2,670 มิลลิเมตร
การออกแบบภายนอกเน้นรูปร่างลู่ลม บนตัวถังแบบยกสูงแบบรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมกระจังหน้าแบบไดนามิกชิลด์ที่ได้รับถ่ายทอดมาตอนปรับโฉมช่วงปี 2018 มาพร้อมระบบไฟรอบคันเป็นแบบแอลอีดีทั้งหมด และกรอบโคมไฟหน้าโดดเด่นด้วยโปรเจคเตอร์แบบคู่ ให้ความสว่างกระจ่างใจชัดเจน
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลายแปลกตาและดูรกรก มาพร้อมยางขนาด 225/55 R18 ติดตั้งแร็คหลังคาสีเงิน สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 เสาอากาศแบบครีมฉลามติดตั้งมาให้เรียบร้อย พร้อมด้วยบานประตูหลังแบบไฟฟ้า โดยรวม ๆ ดีไซน์ไม่ได้แปลกอะไรไปจากบรรดารถหลาย ๆ รุ่นของค่ายนี้สักเท่าใดหรอก
ภายในห้องโดยสารเน้นเรียบหรูดีดี
ห้องโดยสารของมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี นั้น ให้บรรยากาศของรถแบบย้อนยุคนิดหน่อย ก็แหงล่ะ เพราะนี่คือรถที่ทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2012 เข้าไปแล้ว แต่หากนับดูอุปกรณ์และของที่ให้มาก็ถือว่าครบครันอยู่ ไม่ได้มีอะไรขาดตกบกพร่อง โดยชุดพวงมาลัยที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ถูกยกมาติดตั้งในรถรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน
พวงมาลัยแบบมัลติฟังชั่นส์ที่มีการควบคุมได้ทุกอย่างเท่าที่จำเป็นติดตั้งมาให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องขยับมือออกจากพวงมาลัย หน้าจอกลางแบบสัมผัส พร้อมด้วยระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ มาพร้อมช่องลมที่ซ่อนอยู่ด้านหลังพวงมาลัยขนาดใหญ่ ขณะที่ช่องลมของผู้โดยสารเป็นแบบนอนที่ให้บรรยากาศเหมือนแท็กซี่ยุคเก่า
คันเกียร์นั้นดูหน้าตาแปลกประหลาดจะเป็นเกียร์กระปุกก็ไม่ใช่ เกียร์ไฟฟ้าก็ไม่เชิง รวม ๆ ความแล้วก็สมกับเป็นรถไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์เกียร์แบบที่เราคุ้นเคยกันมา ห้องโดยสารโดยภาพรวมนั้นตกแต่งด้วยโทนสีเทาเคร่งขรึม และมีตำแหน่งการจ่ายไฟแบบเต้าเสียบในรถหลายตำแหน่งให้สมกับที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า
เบาะที่นั่งแบบหนังทั้งคัน เย็บด้วยด้ายเป็นลายข้าวหลามตัด ตำแหน่งการสัมผัสต่าง ๆ ในรถเป็นแบบนิ่ม ๆ และคิดว่าเป็นรถที่ผู้ใหญ่และผู้บริหารน่าจะนิยมชมชอบ ตำแหน่งเบาะนั่งตอนหน้านั้นสูง ให้ทัศนวิสัยดีเยี่ยม ขณะที่เบาะหลังนั้นมีตำแหน่งเบาะรองขาที่สั้นไปสักเล็กน้อย แถมเลกรูมและเฮดรูมก็ไม่ได้กว้างมากมายอะไร
ข้อดีก็คือเบาะหลังนั้นสามารถปรับเอนได้นิดหน่อย พร้อมทั้งมีช่องแอร์สำหรับเบาะตอนหลังมาให้ ห้องโดยสารตอนท้ายที่มาพร้อมเต้าเสียบไฟนั้นใหญ่โตจนคิดว่าอยากให้ขยับเบาะแถว 2 ออกมาอีกนิดนึงจะดีมาก รวม ๆ แล้วก็เป็นห้องโดยสารที่ออกแบบมาได้น่าสนใจและลงตัวที่สุดคันหนึ่งของรถยนต์ในกลุ่มนี้เลยทีเดียว
เครื่องยนต์สมรรถนะสูง พร้อมการส่งกำลังแบบไฟฟ้า
เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี มาพร้อมการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC ขนาด 2,359 ซีซี. ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 ภายใต้โหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน ให้สมรรถนะสูงสุด 305 แรงม้า 531 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งด้วยไฟฟ้าได้สูงสุดไกลถึง 65 กิโลเมตร
มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวีลล์คอนโทรล (S-AWC) และระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและล้อขวา ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า-หลัง ควบคุมแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ
ระบบดังกล่าวยังทำงานร่วมกับโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ ประกอบด้วย โหมดล็อค โหมดสโนว์ โหมดนอร์มอล และโหมดสปอร์ต ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยึดเกาะและลุยผ่านทุกสภาพถนน มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด EV โหมด Series Hybrid และ โหมด Parallel Hybrid สลับแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบเบรกที่จ่ายพลังงานคืนให้แก่แบตเตอรี่
มิตซูบิชิคุยว่ารถของพวกเขานั้นครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ
เรื่องของตัวเลขสมรรถนะและระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือเมื่อลองขับขี่แล้ว รถของพวกเขาจะมีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่าง MG HS PHEV ที่มีราคาถูกกว่าและขึ้นไปเทียบชั้นบรรดาคู่แข่งที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลอย่าง Mazda CX-5 หรือ Honda CR-V ที่มีระดับราคาใกล้เคียงกันได้หรือไม่ต่างหาก
สัมผัสแรก มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี 2020
วันนี้เราจะมาสัมผัสรถคันนี้กันอย่างว่องไว กับการขับรถรวมกันทั้งสิ้นไม่น่าจะเกิน 2 กิโลเมตร กับการขับรถแบบวนลูป เปลี่ยนโหมดการขับขี่ไปเรื่อย ๆ ฟังดูเหมือนจะไม่ได้อะไรมาก แต่ก็ทำให้เรารู้จักกันรถคันนี้มากขึ้น ก่อนที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างจริงจัง ที่น่าจะเกิดขึ้นกันในช่วงกลางเดือนมกราคมไปแล้ว ตามที่ทางมิตซูบิชิกำหนดเอาไว้ล่วงหน้า
แม้ว่าจะเป็นการทดสอบสั้น ๆ แต่พวกเขาก็พยายามให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับจุดเด่นต่าง ๆ ของรถให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเร่งเครื่อง การเบรกที่ไว้ใจได้ ระบบช่วงล่างที่ได้รับการถ่ายทอดมาเป็นอย่างดี และความคมกริบของพวงมาลัย ส่วนเรื่องระบบของเล่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น อาจจะต้องขอยกยอดกันไว้ก่อนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
กระโดดขึ้นหลังพวงมาลัย เครื่องยนต์ของ 2020 มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ทำงานอย่างเงียบเฉียบ ซึ่งเป็นพื้นฐานอยู่แล้วของรถยนต์รุ่นนี้ที่เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยระบบอีวี ก่อนที่จะเปลี่ยนโหมดการขับขี่ไปเรื่อย ๆ ตามการขับขี่ของผู้โดยสาร ซึ่งทีมงานอธิบายว่ารถจะพยายามตอบสนองต่อการขับขี่ของผู้ขับขี่ให้มากที่สุด ซึ่งฟังแรก ๆ ก็อาจจะงงงงกันอยู่บ้างว่าระบบทำงานอย่างไร
การขับขี่เริ่มจากอีวี โหมด ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่หมุนมอเตอร์ 2 ตัวไปจนถึงความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นซีรี่ส์ โหมด เครื่องยนต์เริ่มทำงานแต่ยังส่งกำลังด้วยมอเตอร์เพียงอย่างเดียว ถ้าต้องการความเร็วมากขึ้น พาราเรล โหมดจะทำงาน เครื่องยนต์เข้ามาทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อน และมอเตอร์ทำหน้าที่สนับสนุน
นั่นก็หมายความว่า ในการขับขี่เริ่มต้น หากคุณเริ่มด้วยการกดคันเร่งลงไปแบบหมดพลัง เครื่องยนต์ก็จะเข้ามาทำงานอย่างทันท่วงทีเหมือนกัน มันก็จะทำให้ตัวรถมีอาการแล็กอยู่สักเล็กน้อยแต่ไม่มาก เมื่อเครื่องยนต์ตัดกลับมาทำงานก็จะส่งกำลังให้เครื่องวิ่งออกไปอย่างปรู๊ดปร๊าด เอาจริง ๆ เวลาออกตัวควรปล่อยออกไปแบบไหล ๆ จะสมูทกว่าอย่างชัดเจน
การตอบสนองในโหมดธรรมดาและโหมดสปอร์ตของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี 2020 นั้นแตกต่างกันไม่มากแบบไม่มีนัยชัดเจน แต่ในโหมดอีวีถือว่าให้การออกตัวที่โดดเด่น ระยะทางที่ให้มาสั้นเกินกว่าจะตอบได้ว่ามันปรู๊ดปร๊าดกว่าคู่แข่งหรือไม่ แต่เอาเป็นว่าจะหารถมาไล่กันในระยะทางที่กำหนดก็คงยากอยู่ แต่ที่เหนือกว่านั้นก็คือระบบเบรกของรถคันนี้นั้น สั้น กระชับ และปลอดภัยอย่างแน่นอน
ระยะเบรกของรถที่สั้น ให้ความมั่นใจในการขับขี่ ขณะเดียวกัน ตัวรถนั้นไม่เกิดอาการโคลงของห้องโดยสารมากนัก ทำให้สามารถเรียกความมั่นใจในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี และเมื่อถามผู้โดยสารตอนหลังว่าเบรกอย่างรุนแรงแล้วเป็นอย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้ เรียกว่าเบรกระยะธรรมดาสบาย ๆ เบรกกระทันหันไม่ใช่เรื่องน่ากังวล
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวีลล์คอนโทรลของ Mitsubishi Outlander PHEV 2020 ถูกนำมาจัดการทดสอบด้วยการวิ่งเป็นวงกลมบนพื้นเปียก แน่นอนว่าหากเข้าเร็ว ๆ มาก ๆ ตัวรถก็ยังออกอาการให้ต้องแก้กันอยู่เล็กน้อย แต่ก็ทำได้อย่างง่ายดายแค่การหักพวงมาลัยไปในตำแหน่งที่ต้องการ ไม่มีอาการลื่นไถลหรือออกนอกช่องทางให้ต้องปรับแก้อะไรกันมากมายในการทดสอบทุกโหมด
ความคมของพวงมาลัยนั้นเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อทำการทดลองแบบสลาลอม ที่สามารถลากรถไปได้ตามทิศทางที่ต้องการ และที่เห็นได้ชัดกว่านนั้นก็คืออาการของรถที่มีอาการโคลงตัวน้อยมาก แม้จะพยายามลากให้ลึกและเร็วขนาดไหน เรียกว่าผู้โดยสารตอนหลังไม่ต้องตะโกนด่าคนขับว่าขับรถห่วยอย่างแน่นอน เมื่ออยู่บนรถคันนี้
Regenerative Braing ของ 2020 Mitsubishi Outlander PHEV มีถึง 6 ตำแหน่ง หนืดขึ้นตามตัวเลขที่สูงขึ้น เพื่อส่งกำลังกลับเข้าไปที่แบตเตอรี่ของรถ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปที่ตัวรถได้ด้วยเครื่องยนต์ โดยมีปุ่มกดในรถให้เลือกใช้งานระบบต่าง ๆ ได้โดยอิสระ ตามความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งถือว่ามีความสะดวกสบายในการใช้งานของรถคันนี้
การชาร์จสามารถชาร์จผ่านช่องชาร์จไฟแบบธรรมดา ผ่านไฟบ้านเต็ม 100% ภายใน 4 ชั่วโมง หรือชาร์จด่วนด้วยหัวชาร์จชาเดโมะ ที่สามารถชาร์จไฟ 80% ได้ภายใน 25 นาที รวมถึงสามารถปล่อยไฟระดับ 1500 วัตต์ออกมาให้พลังงานเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงสามารถให้พลังงานกลับมาที่บ้านได้ ผ่านแท่นชาร์จแบบที่สามารถปล่อยไฟกลับไปได้
ประทับใจอยู่นะ แต่ขอลองทางไกลอีกครั้ง
ถ้าถามความรู้สึกแรกที่ลองรถคันนี้จบลง ผมชอบเจ้า 2020 มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี อยู่เอาเรื่อง ด้วยการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ไม่อืดอาด แต่ก็ยังไม่อาจจะเรียกมันว่าเป็นรถสปอร์ตได้ การรักษาอาการของตัวรถที่ทำได้ดี ช่วงล่างที่ดีกว่าที่คาด และพวงมาลัยที่คมกริบ แต่ก็ติเรื่องของห้องโดยสารที่ตอนหลังนั้นอาจจะนั่งไม่สบายเต็มที่
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาเรื่องการจัดวางห้องโดยสารตอนหลังให้อยู่บนแบตเตอรี่และหลบหนีซุ้มล้อหลัง ที่ททำให้ตำแหน่งการนั่งเบียดบังพื้นที่วางขามาบ้าง และยกตำแหน่งการนั่งไปสูงจนเหลือเฮดรูมค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แลกมาด้วยเบาะที่นั่งหนังที่ตัดเย็บมาอย่างปราณีต และสามารถปรับเอนได้ด้วยที่ด้านหลัง แถมยังมีที่เสียบไฟให้อีก
กลับไปที่เรื่องเดิมที่คุยกันไว้คือ เอาจริง ๆ แล้วเจ้ารถคันนี้ควรจะมองใครเป็นคู่แข่งกันแน่ ถ้ามองในเชิงเทคโนโลยีอาจจะดูคล้ายคลึงกับอีกค่ายที่เปิดตัวเปิดราคาไปก่อน แต่หากมาดูในรายละเอียดก็จะพบรายละเอียดเชิงเทคนิคที่ยังแตกต่างกันมากเหลือเกิน จนเราอยากจะบอกว่าให้ไปหาคู่เทียบตัวอื่นที่ดูพอจะเข้าทีกว่ากันเสียเถิด
ด้วยสนนราคาของ 2020 Mitsubishi Outlander PHEV ที่ประกาศเอาไว้ที่ล้านหกล้านเจ็ด หากจะมองไปที่คู่แข่งในกลุ่มเอสยูวีตัวท็อป สัญชาติญี่ปุ่น ก็คงต้อเอาไปท้าชนกับคู่แข่งที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล จะห้าหรือเจ็ดที่นั่งก็ว่ากันไป พอมองแบบนี้ เอาท์แลนเดอร์ก็จะราคาถูกกว่าคู่แข่ง มีออพชั่นที่น้อยกว่านิดหน่อย แต่นำเสนอด้วยความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครแทน
เอาเป็นว่าถ้าอยากได้ความแตกต่างโดดเด่นบนท้องถนน แต่มาพร้อมสมรรถนะที่ไว้วางใจได้ การขับขี่ที่ไม่เป็นรองใคร และสามารถพาคุณไปได้ทุกที่ทั้งออฟโรดและออนโรด มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องรับได้กับหน้าตาที่ใกล้จะมีการปรับโฉม และเทคโนโลยีบางตัวที่เริ่มเปรียบกับคู่แข่งได้ลำบาก
ขับกันสั้น ๆ ก็ว่ากันแค่นี้ก่อน เดี๋ยวหลังปีใหม่เจอกันยาว ๆ มาคุยรายละเอียดกันอีกที ใครอยากรู้อะไรไถ่ถามกันมาได้นะ...