2020 Proton X50 (โปรตอน เอ็กซ์50) กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในมาเลเซีย ด้วยความเพียบพร้อมทั้งคุณภาพตัวรถ สมรรถนะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบความปลอดภัยที่ว่ากันว่าครบครันที่สุดรุ่นหนึ่งในระดับเดียวกัน
เว็บไซต์ Wapcar.my เพื่อนบ้านของเราจากแดนเสือเหลืองระบุว่า Proton X50 ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะเข้ามาทำตลาดเมืองไทยภายในปีหน้าจะมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุดและเหนือกว่ารถอเนกประสงค์พรีเมียมอย่าง BMW X1 เลยทีเดียว
เริ่มจากระบบตรวจจับมุมอับสายตา Blind-spot Information System (BLIS) ที่มีการแจ้งเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่รับทราบว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่ด้านข้างของตัวรถ และมีระบบ Forward-Collision Warning (FCW) แจ้งเตือนการชนด้านหน้า ซึ่งจะทำงาน 3 ระดับคือ ต่ำ ปานกลาง และสูง โดยระดับต่ำจะเตือนด้วยไฟกระพริบบนมาตรวัด ระดับปานกลางจะมีทั้งไฟกระพริบและเสียงเตือน ขณะที่ระดับสูงจะควบคุมระบบเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชน
ระบบ FCW ทำงานร่วมกับระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB) ที่ความเร็วระหว่าง 4 - 150 กม.ต่อชม. ตรวจจับได้ทั้งรถยนต์และผู้ใช้ทางเท้า
นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมไฟสูงอัจฉริยะ Intelligent High Beam Control เพิ่มความส่องสว่างขณะขับขี่ยามค่ำคืนโดยไม่รบกวนสายตาผู้ขับขี่ในรถที่วิ่งสวนมา ระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 40 กม.ต่อชม.
ปิดท้ายด้วยระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW) และระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA) มีประโยชน์อย่างมากในการขับขี่ทางไกล
ครั้งแรกในรถระดับเดียวกันกับระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 2
หนึ่งในไฮไลท์ของ Proton X50 คือการติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติระดับที่ 2 หรือ Level 2 ซึ่งระบบจะควบคุมตัวรถให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เองโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ขับขี่ต้องมีสมาธิตลอดเวลาด้วยการจับพวงมาลัยและมองถนนข้างหน้าเพื่อให้สามารถเข้ามาควบคุมตัวรถได้ทันทีในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน
ปัจจุบัน เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติระดับที่ 2 ถือว่ามีความล้ำสมัยที่สุดในเวลานี้ หลายบริษัทรถยนต์กำลังพัฒนาไปสู่ระดับที่ 3, 4 และสูงสุดคือระดับที่ 5 ซึ่งเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ผู้ขับขี่สามารถนอนหลับตั้งแต่เริ่มเดินทางไปจนถึงจุดหมายได้โดยไร้กังวล
Proton X50 มี 2 ฟังก์ชั่นหลักที่ทำให้ติดมาตรฐานขับขี่อัตโนมัติระดับที่ 2 นั่นคือระบบล็อกความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control (ICC) และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Auto Park Assist (APA) ตลอดจนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ต่าง ๆ ที่เรานำเสนอข้างต้น
ความล้ำสมัยของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใน Proton X50 ถือว่าเทียบชั้นได้กับรถพลังงานไฟฟ้าแบรนด์ Tesla อย่าง Model S และ Model 3 ซึ่งมีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ AutoPilot ที่ถูกจัดว่าอยู่ในระดับที่ 2 เช่นกัน
แล้วสมรรถนะการขับขี่เป็นอย่างไร
เครื่องยนต์ของ Proton X50 รุ่นท็อปเป็นบล็อกเบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ไดเรคอินเจคชั่น พละกำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัตช์ 7 สปีด
เพื่อนนักทดสอบของเราจากเว็บไซต์ Wapcar เผยว่า Proton X50 มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีมาก หลังจากได้มีโอกาสทดลองขับแบบสั้น ๆ ในสนามแข่งเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ช่วงล่างมีการยึดเกาะถนนที่ดี แรงสั่นสะเทือนต่ำ และพวงมาลัยตอบสนองได้อย่างเฉียบคม
ขณะนั่งอยู่หลังพวงมาลัย แทบจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ บ่งชี้ว่ามีการเก็บเสียงทำได้ดีมาก แรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ 3 สูบที่หลายคนเป็นกังวลนั้นยังสัมผัสได้แต่ก็น้อยกว่าที่คิด อัตราเร่งเหนือชั้นกว่ารถในระดับเดียวกัน แต่ยังสู้รถพรีเมียมอย่าง BMW X1 ไม่ได้ ถึงแม้รถเอสยูวีจากเยอรมนีจะมีพละกำลังน้อยกว่าที่ 140 แรงม้า และ 220 นิวตันเมตรก็ตาม
ฟังดูแล้ว Proton X50 เป็นรถเอสยูวี-บีที่น่าใช้พอสมควร สิ่งที่ต้องจับตามองกันต่อไปก็คือราคาจำหน่ายซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสู่การสร้างความสำเร็จในประเทศไทยเหมือนกับที่ MG ทำได้มาแล้วกับรถเอสยูวีพี่น้องอย่าง MG ZS และ MG HS