เผยนิกเกิลขาดแคลนทำรถยนต์ไฟฟ้าราคาพุ่ง ผู้ใช้รถอย่างเราควรทำอย่างไร?

รถยนต์ไฟฟ้าอาจมีราคาพุ่งสูงขึ้นและมียอดขายลดลง เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเข้าสู่สภาวะขาดแคลนแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่

Rystad Energy บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดจากประเทศนอร์เวย์ระบุว่า ความต้องการใช้แร่นิกเกิลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต้องจับตามองใกล้ชิด

ทั้งนี้ นิกเกิลเป็นแร่โลหะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน และมีรายงานว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องการใช้งานแร่ดังกล่าวสูงถึง 3.4 ล้านตันภายในปี 2024 หรือเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับการใช้งานในปี 2021 แต่แหล่งผลิตไม่มีการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

เผยราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจะพุ่งสูงขึ้น

โลหะนิกเกิลเป็นแร่สำคัญในแบตเตอรี่ที่บ่งชี้ระยะทางขับขี่ซึ่งเป็นหนึ่งในความวิตกกังวลของผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หลายคนกลัวว่าไฟฟ้าในแบตเตอรี่จะหมดกลางทางและไม่สามารถหาจุดชาร์จไฟได้ง่ายเหมือนการหาปั๊มน้ำมันทั่วไป

Rystad Energy ระบุว่า ปัญหาการขาดแคลนนิกเกิลและนโยบายของภาครัฐในหลายประเทศที่มุ่งเน้นการใช้งานรถพลังงานทางเลือกจะทำให้ราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน และผลที่ตามมาคือยอดขายจะลดลง โดยยอดขายรถอีวีในปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านคัน

ปัจจุบัน มีมากกว่า 20 ประเทศที่ประกาศนโยบายผลักดันการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างนอร์เวย์ สวีเดน แคนาดา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

โลหะนิกเกิลไม่เพียงเป็นแร่ธาตุสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ แต่ยังเป็นแร่ที่ยากต่อการสกัดและผ่านกระบวนการต่าง ๆ ก่อนนำมาใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อต้องคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย

ความต้องการใช้งานนิกเกิลทำให้ประเทศที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุดังกล่าวสูงอย่างฟิลิปปินส์ จีน อินโดนีเซีย และบราซิลจะต้องมองหาแหล่งแร่ธาตุแห่งใหม่ในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและมีต้นทุนที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

เจมส์ เลย์ รองประธานกรรมการ Rystad Energy กล่าวว่า บริษัทรถยนต์สามารถลดผลกระทบจากภาวะขาดแคลนนิกเกิลได้ด้วยการใช้แร่เคมีชนิดอื่น ๆ ในการผลิตแบตเตอรี่ตามที่ Volkswagen และ Tesla เคยประกาศว่าจะหาแร่ทางเลือกอื่น ๆ