ด้วยความที่โลดแล่นอยู่ในตลาดรถยนต์ประเทศไทยมานานเกือบ 6 ปี จุดเด่นของ 2019 Honda Jazz (2019 ฮอนด้า แจ๊ส) ไม่ใช่ความสดใหม่ แต่คือประโยชน์ใช้สอยที่เหนือชั้นที่สุดรุ่นหนึ่งในระดับเดียวกัน
2019 Honda Jazz เจนเนอเรชั่นปัจจุบันรหัสตัวถัง GK ถือเป็นรถซิตี้คาร์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่โดนใจ ความกว้างขวางในห้องโดยสาร อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ความปลอดภัยที่ไว้วางใจได้ รวมถึงบริการหลังการขายที่มอบความอุ่นใจตามสไตล์ค่ายรถยักษ์ใหญ่
แต่เมื่อใกล้ถึงปลายทางของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ Jazz โฉมปัจจุบันยังน่าใช้งานมากน้อยเพียงใด วันนี้ เรามาชมจุดเด่น-จุดด้อยของรถซับคอมแพ็กต์รุ่นยอดนิยมคันนี้กัน
จุดเด่น
1. รูปลักษณ์ยังสวยไม่สร่าง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า รูปร่างหน้าตาของ Jazz เจนเนอเรชั่นนี้ยังคงความโดดเด่นอยู่ได้อย่างน่าทึ่งแม้จะเปิดตัวมานานถึง 6 ปีแล้วก็ตาม ด้วยความที่ Honda สามารถสร้างส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความสปอร์ตและความน่ารัก ไฟหน้าเป็นแบบ LED มีเดย์ไลท์และไฟท้าย LED พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วในรุ่นท็อป หุ้มด้วยยาง 185/55 R16 ถือว่ากำลังพอเหมาะน่าใช้งาน
2. ราคาจำหน่ายเจาะกลุ่มลูกค้าทุกระดับ
Honda ส่ง Jazz มาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่วัยเริ่มทำงานที่ต้องการซื้อรถคันแรกระดับ 5 แสนบาทไปจนถึงคนที่ทำงานไปได้สักพักแล้วและต้องการรถที่ตอบสนองการใช้งานอย่างครอบคลุมสักคันในระดับราคาราว 6 – 7 แสนบาท โดยมีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย
รุ่น S MT ราคา 555,000 แสนบาท
รุ่น S CVT ราคา 594,000 แสนบาท
รุ่น V ราคา 654,000 แสนบาท
รุ่น V+ ราคา 694,000 แสนบาท
รุ่น RS ราคา 739,000 แสนบาท
รุ่น RS+ ราคา 754,000 แสนบาท
3. เครื่องยนต์แรงที่สุดในระดับเดียวกัน
Jazz ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาทีซึ่งมากที่สุดในรถระดับบีเซกเมนท์ ส่วนแรงบิดอยู่ที่ 146 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาทีก็ถือว่าสูงอีกเช่นกัน แม้แรงบิดอาจจะสู้ Mazda 2 ดีเซลไม่ได้ แต่สมรรถนะการขับขี่ของ Jazz รองรับทุกการใช้งานอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการสัญจรในชีวิตประจำวันในเมืองหรือการขับขี่ไต่ดอยสูงต่างจังหวัด
4. ระบบความปลอดภัยค่อนข้างครบครันทุกรุ่นย่อย
แม้คุณจะเลือกรุ่นล่างสุดรหัส S MT เกียร์ธรรมดา แต่ก็ยังได้ใช้รบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD รวมถึงระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้า
จุดด้อย
1. ใกล้เปลี่ยนโฉมใหม่เต็มที
กระแสข่าวล่ามาแรงระบุว่า Honda Jazz รุ่นนี้จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่ทำตลาดเมืองไทย สำหรับเจนเนอเรชั่นต่อไปจะกลายร่างเป็น Honda City Hatchback ที่ถอดแบบมาจากรุ่นซีดานแต่เพิ่มประตูบานท้ายเข้ามาเป็นตัวถังแบบ 5 ประตู ดังนั้น การเป็นเจ้าของ Jazz รุ่นปัจจุบัน ณ เวลานี้ก็หมายถึงการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่กำลังจะตกรุ่นในอีกไม่ช้า
2. มีทางเลือกที่ประหยัดน้ำมันมากกว่า
เพื่อนร่วมค่ายอย่าง Honda City 1.0 Turbo หรืออีโคคาร์จากแบรนด์คู่แข่งอย่าง Nissan Almera 1.0 Turbo ถึงแม้จะไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงกับ Jazz แต่ลูกค้าก็จะนำมาเปรียบเทียบกันอย่างแน่นอน ซึ่งถ้ามองในมุมความประหยัดน้ำมันแล้ว Jazz เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรสู้ไม่ได้ด้วยตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 14 – 15 กม.ต่อลิตร ขณะที่ City และ Almera มีตัวเลขเกินกว่า 23 กม.ต่อลิตร