ว่าด้วยเรื่องของเบาะรถยนต์ เป็นที่ถกเถียงกันอยู่บ้างว่าเบาะแบบไหนนั้นดีกว่ากัน ระหว่างแบบผ้า และแบบหนัง
หลาย ๆ ค่ายก็เลือกใช้เบาะหนังกับรถยนต์รุ่นประหยัดเพื่อเป็นเชิงรุกทางตลาด ทั้งรูปทรงรวมไปถึงวัสดุที่เลือกใช้ แต่คุณทราบหรือไม่ว่า เบาะทั้งสองแบบนี้นั้นก็มีประโยชน์ที่แตกต่างกัน
เบาะผ้า
เบาะรถยนต์แบบผ้านั้นมีใช้กันมานานแล้ว และยังมีให้เห็นได้ในปัจจุบันในรถรุ่นที่มีราคาถูก โดยจะมี 2 แบบหลัก ๆ คือ
1. เบาะผ้าสังเคราะห์
เป็นเบาะที่มีต้นทุนไม่แพง มีสีสันสวยงามแล้วแต่ทางโรงงานหรือผู้ผลิตจะออกแบบ และสามารถทนความร้อนได้สูง
ข้อดี ไม่อมความร้อนเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา ไม่เหนียวเหงื่อ ไม่ร้อนก้น มีความนุ่มนั่งสบาย
ข้อเสีย เลอะคราบความชื้นได้ง่าย ดูดซับน้ำแหละเหงื่อจนทำให้เกิดคราบสกปรกมีคราบฝังสะสมกลิ่นอับ สะสมฝุ่นและเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี
2. เบาะผ้ากำมะหยี่
เป็นเบาะผ้าอีกชนิดหนึ่งที่ในปัจจุบันหลาย ๆ ยี่ห้อนำมาใส่ให้กับรถหลายรุ่น เพราะทำให้ดูมีราคาแพง
ข้อดี ยังนั่งสบายไม่ลื่นไถลเมื่อเข้าโค้งแรง ๆ ระบายความร้อนได้ดี ขับทางไกลนาน ๆ ก็ไม่รู้สึกอึดอัด
ข้อเสีย เบาะผ้ากำมะหยี่เป็นเบาะที่เก็บฝุ่น สะสมเชื้อโรคและแบคทีเรีย ทำความสะอาดยาก เป็นรอยและเก่าง่าย ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่รักความสะอาด
เบาะหนัง
สำหรับเบาะหนัง มักมีให้เห็นในรถที่มีราคาแพง ขึ้นอยู่กับวัสดุว่าจะทำมาจากอะไร
1. เบาะหนังแท้
เบาะหนังแท้ที่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหน ก็จะต้องผ่านกรรมวิธีฟอกสี ทำให้นุ่ม กำจัดกลิ่นต่าง ๆ ออก
ข้อดี มีความเหนียวและมีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ ไม่ซับน้ำ ไม่สะสมฝุ่น
ข้อเสีย การดูแลรักษาจะต้องดูแลเป็นพิเศษ ไม่ทนแต่ความร้อนและแสงแดด และ สิ้นเปลืองในเรื่องของน้ำยาที่จะต้องใช้ในการบำรุงรักษา และเมื่อตากแดดนาน ๆ ก็ยังดูดซับความร้อนได้ดีอีกด้วย
หนังเทียม หนังสังเคราะห์ (PVC)
เบาะหนังเทียม ที่ผลิตจาก PVC จะมีความแตกต่างจากหนังแท้ เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า ความแข็งแรงและทนทานกว่าหนังแท้ ดูแลง่ายทนแดด ไม่กระจายความร้อน และยังทำความสะอาดง่ายไม่ซับน้ำ
ข้อเสีย เบาะหนัง PVC เมื่อใช้ไปนาน ๆ ไม่ได้มีการบำรุงดูแลรักษาก็อาจจะทำให้เสื่อมสภาพแห้งแตกได้เช่นกัน
เบาะ Alcantara
ยังมีอีกแบบ คือเบาะ Alcantara ซึ่งที่จริงแล้ว เป็นชื่อแบรนด์ที่ผลิตคิดค้นวัสดุขนิดนี้ขึ้นมา โดยมีส่วนผสมของวัสดุสังเคราะห์ Polyester 68% และ Pilyurrethane 32% พัฒนาขึ้นโดยผสมผสานผ้าและเส้นใยพลาสติกพลาสติก
ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนหนังแท้ เนื่องจากมีการรณรงค์ไม่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นมาจากสัตว์ เพราะว่ากันว่า ต้องใช้วัวถึง 2 ตัวเพื่อเบาะหนังของรถ 1 คันเลยทีเดียว
ข้อดี เป็นวัสดุที่ไม่อมความร้อน และทนความร้อนได้ ไม่ติดไฟ น้ำหนักเบา และหน้าผิวสัมผัสไม่ลื่นเมื่อเทโค้ง มีความยืดหยุ่นสูง
ข้อเสีย มีราคาที่สูงมาก ๆ ตารางเมตรละ 32 บาทเลยทีเดียว เก็บฝุ่นได้ดี เลอะง่ายและทำความสะอาดยาก มีค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดสูง
วิธีการดูแลเบาะผ้า
สำหรับเบาะผ้า ถือเป็นเบาะรถยนต์ที่สกปรกง่าย และทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก แต่ก็สามารถดูแลได้ง่าย ๆ ด้วย
- หากเบาะผ้ามีคราบ ให้ใช้แปรงสีฟันชุบน้ำค่อย ๆ ขัดบริเวณรอยเปื้อน จากนั้นใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำให้แห้ง และโรยแป้งฝุ่นทับอีกครั้งเพื่อซับความชื้น
- ใช้เครื่องดูดฝุ่น ทำความสะอาดเบาะผ้าเพื่อดูดเศษฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสม แต่ถ้าเบาะรถยนต์เลอะและสกปรกมาก อาจต้องใช้บริการร้านคาร์แคร์ให้ซักเบาะ
- เอาเบาะไปหุ้มหนัง ซึ่งสามารถถอดออกมาซักได้
วิธีการดูแลเบาะหนัง
แม้จะไม่สะสมฝุ่น แต่สิ่งสกปรกและฝุ่นละอองมักสะสมอยู่ตามซอกหลืบ รอยพับ ตะเข็บ และเส้นใยของเบาะ ที่เรามองไม่เห็น ส่งผลให้ผิวหน้าของหนังแตกยุ่ยก่อนเวลาอันควร
โดยเฉพาะพวกเศษกรวด เศษทราย ที่ทำให้หนังเป็นรอยได้ง่าย ๆ
- ใช้ผ้าหรือไม้ขนไก่ ปัดฝุ่นออกจากเบาะหนังเป็นประจำ แม้ว่าจะไม่มีฝุ่นเกาะก็ตาม หรือใช้เครื่องดูดฝุ่นมาดูดสิ่งสกปรกออก
- หากเบาะเปื้อนหรือเลอะคราบ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่ หรือน้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังโดยตรง ค่อย ๆ เช็ดและถูลงไปจนกว่าคราบจะออก จากนั้นใช้ผ้าเช็ดเบาะให้แห้งสนิท
- หากทำน้ำหกใส่เบาะหนัง รีบใช้ผ้าเช็ดให้แห้งทันที ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เบาะหนังเป็นเชื้อราได้
- ใช้น้ำยาเคลือบเบาะหนัง เช็ดทำความสะอาดเพื่อเป็นการบำรุงเบาะหนังให้มีความเงางามและคงทน แต่ควรระวังการใช้น้ำยาผิดประเภท เพราะอาจทำให้เบาะเสียได้