เจาะเวลากับบอริส ทำไมคนถึงชอบ Volvo 850 กันนะ?

Volvo 850 (วอลโว่ 850) รถยนต์รุ่นนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง มันคือรถ Executive ของ Volvo (วอลโว่) ซึ่งมีความทันสมัยมากที่สุดในช่วงที่เปิดตัวปี 1991

รถรุ่นนี้ เป็นรถที่มีความสำคัญต่อ Volvo มากในหลายด้าน ทั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ชาญฉลาด ใส่เข้ามาเพื่อตอบโจทย์ที่แตกต่างออกไป อีกทั้งมันยังเป็นรถที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Volvo ให้กลายมาเป็นแบรนด์ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้

ภาพจำของแต่ละคนที่มีกับรถรุ่นนี้นั้นแตกต่างกันไป สำหรับหลายคน Volvo 850 คือหนึ่งในรถยนต์ยุโรปคันแรกที่พวกเขาเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะหลังจากประสบความสำเร็จทางธุรกิจในช่วงกลางยุค 1990 หรือจะในฐานะรถมือสองที่มีราคาคุ้มค่าเมื่ออายุมากขึ้น

และสำหรับหลายคน ภาพของรถแข่ง Volvo 850 ในรายการ British Touring Car Championship สีขาวตัดฟ้า คาดลายของบริษัทรักษาความปลอดภัย Securicor ตะกายขึ้น 2 ล้อ คือภาพของ Volvo 850 ที่ติดหัวมาตลอด

บอริสต้องบอกความจริงเอาไว้ก่อนตรงนี้ว่า ภาพของรถในหน้าปกด้านบนนั้น คือรถของบอริสเอง และบอริสก็ค่อนข้างจะมีมุมมองต่อรถรุ่นนี้ที่ถูกม่านของความลำเอียงบดบังเอาไว้

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บอริสอยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับรถรุ่นนี้น้อยลงไปเลย และวันนี้ บอริสจะพาท่านย้อนชม ประวัติของรถ Volvo 850 รวมไปถึงสาเหตุที่คนชื่นชอบรถรุ่นนี้ และประสบการณ์ในฐานะผู้กล้าที่จะทำตามฝันการเป็นเจ้าของ Volvo 850 ว่าควรที่จะหาจับจองมาใช้กันหรือไม่!

Volvo 850 โปรเจคใหญ่ที่สุดที่สวีเดนเคยสร้างขึ้นมา (ในขณะนั้น)

Volvo 850 มีต้นกำเนิดขึ้นมาจากในปี 1978 อันเป็นปีที่ Volvo เริ่มต้น Project Galaxy อันเป็นการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่หมดจด และมีเป้าหมายในการพัฒนาคือการสร้างรถ Volvo ที่มีเอกลักษณ์ดังเดิม แข็งแกร่ง ปลอดภัย กว้างขวาง สะดวกสบาย แต่ต้องมีขนาดเล็กลง ทันสมัยมากขึ้น

Project Galaxy ภายหลังถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือโปรเจค Volvo 850 และ Volvo 440/460/480 ขนาดเล็ก โดยที่รถตระกูล 400 นั้นถูกเปิดตัวออกมาก่อนในปี 1987 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ที่พัฒนาร่วมกับบริษัท Renault (เรโนลต์)

Volvo 850 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และตอนที่พัฒนาเสร็จ Volvo ก็ได้ใช้จ่ายเงินไปกว่า 16,000 ล้านโครเนอ ซึ่งเทียบได้กับเงินจำนวน 4,750 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 14,200 ล้านบาท (โดยการเทียบอัตราเงินเฟ้อแล้ว) แม้ว่าจะเป็นเงินที่ดูจำนวนเยอะ แต่ Project Galaxy นี้สร้างรถที่ขายดีขึ้นมา 2 รุ่น แพลตฟอร์มรถที่ใช้ต่อมาได้ทั้งในรุ่น P1 S70/V70 และ P2 (S60/S80)

Volvo 850 ใช้เครื่องยนต์ชนิดใหม่ ที่เรียกว่า Volvo Modular เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ที่มีการหั่นเหลือ 4 สูบ หรือต่อให้เป็น 6 สูบได้ หรือเรียกกันอีกชื่อว่า White Block เนื่องจากวัสดุของเสื้อสูบนั้นเป็นอลูมิเนียม

เครื่องยนต์ชนิดนี้ เป็นรูปแบบ 5 สูบ แถวเรียง วางขวาง ใช้ฝาสูบแบบ Double Overhead Camshaft และมีขนาดตั้งแต่ 2.0 ลิตร ถึง 2.5 ลิตร และถูกพัฒนาใช้เรื่อยมาจนกระทั่งปี 2016 ตอนที่ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ของ Volvo ในปัจจุบัน ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ หรือเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

นอกเหนือจากนี้ Volvo 850 ยังมีนวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างหลังแบบกึ่งอิสระ Delta-Link อันใช้บูชของช่วงล่างซึ่งสามารถให้ตัวได้ เป็นระบบ Passive Rear Wheel Steering คล้ายกับระบบของ Mazda TTL

และยังเป็นรถรุ่นแรกที่มีระบบ SIPS หรือ Side Impact Protection System ที่นอกเหนือจะมีคานเหล็กขนาดใหญ่ในประตูแล้ว ยังเป็นรถรุ่นแรกที่มีถุงลมนิรภัยด้านข้างอีกด้วย

Volvo 850 ค่อนข้างประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เนื่องด้วยความไม่น่าเบื่อจำเจเหมือนดัง Volvo รุ่นก่อน ๆ แต่ในรุ่นแรก หน้าใหญ่นั้น เคยสังเกตกันไหมละครับว่า ในไทยเป็นรถที่หายากมาก ๆ ?

สาเหตุนั่นก็เพราะว่า ในประเทศไทยไม่ได้มีการนำ Volvo 850 รุ่นแรกเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ในปี 1993 Volvo ได้ตัดสินใจปล่อยรุ่นไมเนอร์เชนจ์ออกมา และเป็นครั้งแรกที่ไทยได้ใช้รถ Volvo 850

ความสำคัญนอกเหนือจากการปรับปรุงรูปโฉมให้คล้ายกับรถต้นแบบมากขึ้น ไฟหน้าเล็กลง และโฉบเฉี่ยวมากขึ้น คือการเพิ่มรุ่นย่อย Volvo 850 Turbo (วอลโว่ 850 เทอร์โบ) อันเป็นการเปิดตำนานของรถเก๋งสมรรถนะสปอร์ตของ Volvo

Volvo 850 Turbo ในปี 1994 ใช้เครื่องยนต์ชนิด B5234T ขนาด 2.3 ลิตร วางพื้นฐานทางเครื่องยนต์ของ Volvo 850 ปกติ แต่พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์ของ Mitsubishi ชนิด TD04HL-15G เข้าไป ระดับบูสต์อยู่ที่ 0.66 บาร์ สร้างพละกำลังสูงสุด 225 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที

ในภายหลังที่ประเทศไทยปรับเปลี่ยนฐานภาษีตามเลขแรงม้า เครื่องยนต์ของ Volvo 850 Turbo ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น T-5 และกำลังแรงม้าลดลงเหลือ 217 แรงม้า แต่แน่นอนครับว่า เราคิดว่าในความเป็นจริง ก็คงไม่ได้ต่างอะไรกันมากขนาดนั้น เพราะถึงแม้มีการปรับเปลี่ยนท่ออินเตอร์คูลเลอร์ให้เป็นแบบยาว แต่ใช้โข่งไอเสียหลังที่ไหลได้ดีกว่า และในต่างประเทศตัวเลขแรงม้าก็ 225 แรงม้าเท่าเดิม

Volvo 850 BTCC Touring Car เมื่อรถแวนก็กลายมาเป็นรถแข่งได้

ในปี 1994 Volvo ก็ได้ทำสิ่งหนึ่ง ซึ่งแม้ในขณะนั้นจะเป็นการตัดสินใจที่ดูบ้าดีเดือด แต่แน่นอนครับ ถ้ามองในมุมมองของคนปัจจุบันนั้น มันคือการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

ในช่วงยุค 1990 ประเทศอังกฤษมีรายการแข่งขันรถทางเรียบที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก British Touring Car Championship โดยเป็นการแข่งขันใช้กฎเกณฑ์แบบ Super Touring ซึ่งนำเอารถถนนมาเป็นพื้นฐานในการสร้างรถแข่ง และจำกัดเครื่องยนต์เอาไว้ที่ 2,000 ซีซี

Volvo เอง ก็ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการในปี 1994 โดยเป็นการร่วมมือกับ TWR Tom Walkinshaw Racing ซึ่งประสบความสำเร็จในรายการอย่าง 24 Hours of Le Mans และ รายการรถทางเรียนอื่น ๆ แต่เมื่อพวกเขาเผยโฉมรถที่ใช้ออกมา ก็ต่างทำให้ทุกคนตกตะลึง เพราะรถที่พวกเขาใช้มาเป็นพื้นฐาน คือ Volvo 850 Station Wagon คันที่เห็นด้านบนนั่นแหละครับ

เหตุผลที่พวกเขาให้เอาไว้ ก็เพราะหลังคาที่ยาว ทำให้ด้านท้ายนั้นมีความนิ่งกว่า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก เพราะรถ Volvo 850 BTCC ก็ตราตรึงใจผู้คนทั่วโลกในฐานะรถแข่งที่ทำให้รถแวนดูไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

แต่แม้ว่าจะดูเท่ในสายตาคน และมีเครื่องยนต์กำลัง 325 แรงม้า ซึ่งสูงสุดในสนามขณะนั้น แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเสียเท่าไหร่ และไม่สามารถสู้รถ Alfa Romeo 155 Silverstone (อัลฟ่า โรเมโอ 155 ซิลเวอร์สโตน) ที่ใช้การใส่สปอยเลอร์หน้าและหลัง จนแอโรไดนามิกดีกว่าได้

ในปี 1995 Volvo จึงตัดสินใจกลับไปใช้ตัวถังซีดาน อันมาพร้อมกับการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ให้สามารถใช้สปอยเลอร์ได้ และ Volvo ก็ได้รับตำแหน่งที่ 3 ใน Constructor Championship และเป็นปีที่ Volvo 850 ทำอันดับในการแข่งขันได้ดีที่สุด

ในปี 1996 เป็นปีสุดท้ายที๋ Volvo 850 ได้แข่งขันในรายการ BTCC ก่อนที่ Volvo และ TWR จะเปลี่ยนไปใช้ Volvo S40 แทน แต่ในปีเดียวกันนี้ Audi ก็ครองตำแหน่งแชมป์ด้วยรถ Audi A4 ซึ่งใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งก็ถูกแบนไปในปีถัดมา

แต่มันไม่สำคัญหรอกครับว่าจะชนะหรือไม่ เพราะถ้าหากมองเป้าประสงค์ในการแข่งขัน ซึ่งก็คือการโปรโมทรถยนต์เป็นหลัก Volvo 850 Estate BTCC ก็เป็นรถที่สร้างภาพจำของคนได้ดีมาก เสียจนทุกวันนี้ถ้าหากพูดถึงการแข่งขันรถทางเรียบในยุค 90 ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงมัน แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่า 25 ปี แล้วก็ตาม

Volvo 850 T-5R: รถคลาสสิคที่ใครก็อยากได้

ในปี 1995 หลังจากที่ Volvo เข้าแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ Volvo ก็คิดที่จะสร้างภาพลักษณ์ของความสปอร์ตต่อมา จึงเปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษ Volvo 850 T-5R ซึ่งวางพื้นฐานมาจาก T-5

ทันทีทันใดนั้น ภาพของรถ Volvo 850 T-5R สีเหลืองสะดุดตา ก็ถูกฝังไปในความทรงจำของผู้คนที่คุ้นเคยกับยุค 90 เป็นอย่างดี รถ Volvo รุ่นนี้ มันไม่ใช่ Volvo ธรรมดาน่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว

แม้ว่า Volvo 850 T-5 จะมีประสิทธิภาพที่ดี ช่วยสร้างภาพลักษณ์มาแต่ก่อนหน้านี้ แต่ Volvo 850 T-5R ก็ทำให้ Volvo กลายมาเป็นรถที่เยาว์วัยมากขึ้นอย่างแท้จริง และมันก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก

เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของ Volvo 850 T-5R กับ T-5 ปกตินั้น มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น อย่างแรกคือ เครื่องยนต์ B5234T ได้ถูกเพิ่มโหมด Hi-Boost ที่สามารถเพิ่มบูสต์จากปกติ 0.66 บาร์ เป็น 0.74 บาร์ จึงทำให้สร้างแรงม้าได้ 243 แรงม้า แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีความแตกต่างอะไร

ในส่วนของช่วงล่างก็มีการปรับแต่ง ใช้โช๊คและสปริงที่แข็งขึ้น รวมไปถึงใส่ล้อชนิด Titan ขนาด 17x7 นิ้ว สวมยาง 205/45 เอาไว้

ภายนอก มีการใส่กันชนหน้าแบบใหม่ พร้อมไฟตัดหมอก สปอยเลอร์หลังในรุ่นซีดาน อีกทั้งยังมีโลโก้พิเศษ T-5R และโลโก้ Motorsport ในด้านท้าย ตัวรถพ่นสี Faded Yellow อันเป็นสีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีเฉพาะกับรุ่นนี้เท่านั้น ในส่วนของภายในก็มีการใช้วัสดุ Alcantara มาตกแต่งเพิ่มเติม และใช้ไม้วอลนัทสีเข้มเป็นวัสดุบนแดชบอร์ด

ก็คงฟังดูน่าประหลาดใจนะครับ ที่รถรุ่นนี้มีความแตกต่างกับรุ่นปกติเพียงเท่านี้จริง ๆ และไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะมีคนจำนวนมากพยายามทำรถที่อ้างอิงไอเดียจากรถรุ่นนี้ขึ้น ด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ถูกทำขึ้นมาอย่างแพร่หลาย แม้แต่ตัวโลโก้พิเศษเอง Volvo ก็ยังคงผลิตและเบิกได้อยู่ในปัจจุบัน

แต่นั่นก็คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอกครับ เพราะวิธีเช็ครถแท้นั้นก็มีอยู่ ทำได้ง่ายดาย เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจไว้สำหรับผู้ที่อาจจะอยากหามาสะสม เนื่องจากทั่วโลกมีการผลิตรถรุ่นนี้ของแท้เพียงแค่ 6,964 คันเท่านั้น ส่วนในประเทศไทย ก็มีมา สามารถนับจำนวนด้วยนิ้วได้ แต่รถที่เป็นรถทำขึ้น มีเพียบ!

ถึงจะเปลี่ยนแปลงน้อย แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้รถ Volvo 850 T-5R โด่งดังขึ้นมา เป็นภาพจำของคนจำนวนมาก และประสบความสำเร็จมากพอที่จะทำให้ Volvo สร้างรถรุ่นที่ผลิตไม่จำกัดจำนวนในรูปแบบเดียวกัน

ในปี 1996 Volvo ได้เผยโฉม Volvo 850 R อันเป็นรุ่นที่มีความพิเศษน้อยกว่า Volvo 850 T-5R เพราะผลิตออกมาแบบไม่จำกัดจำนวน แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นมีมากกว่า Volvo 850 T-5R เสียอีก

เริ่มต้นจากช่วงล่างนั้นถูกปรับปรุงใหม่ พัฒนาให้การขับขี่ดีขึ้น ล้อนั้นเปลี่ยนมาเป็นขอบ 17 นิ้ว ชนิด Volan ซึ่งใช้ยางขนาด 215/45 ส่วนเครื่องยนต์นั้นก็ใช้เหมือนเดิม บูสต์เท่าเดิมในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และในสหรัฐอเมริกา

แต่สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา สเปคยุโรปนั้น มีความเปลี่ยนแปลงมาก เพราะใช้เทอร์โบชนิด TD04HL-16T ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแทน เพิ่มบูสต์เป็น 0.8 บาร์ สร้างพละกำลัง 250 แรงม้า ด้วยแรงม้าที่มากขึ้น จึงมีการพัฒนาเกียร์ธรรมดาเฉพาะขึ้นมา คลัชแบบสปอร์ต พร้อมระบบ Limited Slip Differential ช่วยส่งกำลังลงล้อ

ในส่วนของภายในนั้น มีตัวเลือกสีเบจ วัสดุ Alcantara ปรับมาเป็นตรงกลางเบาะแทน

Volvo 850 R อาจจะไม่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้สะสมมากเท่า Volvo 850 T-5R เนื่องจากไม่ได้มีความพิเศษจำกัดจำนวนเท่า แต่ในด้านประสิทธิภาพนั้น เหมือนกับเป็นตัวส่งต่อไปสู่ยุคของ Volvo S70 (วอลโว่ เอส70) ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ปรับปรุงให้ใช้งานได้ดีขึ้นกว่าเดิม

และในปี 1997 ก็เป็นปีสุดท้ายที่ Volvo วางจำหน่าย 850 ก่อนที่จะเปลี่ยนโฉมเป็น Volvo S70 ซึ่งใช้ตัวถังด้านหน้าและท้ายแบบใหม่ และกลับไปมีความนุ่มนวลมากขึ้น หลังจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า Volvo 850 นั้นช่วงล่างแข็งเกิน ไม่เหมือนกับ Volvo เลย

ประสบการณ์การเป็นเจ้าของ 25 ปีผ่านไป เราควรจะหา Volvo 850 มาใช้ หรืออย่าหาทำ?

อย่างที่ได้กล่าวไปในช่วงเปิดแล้วว่า บอริสเป็นเจ้าของรถ Volvo 850 อยู่ครับ บอริสจึงสามารถที่จะแบ่งปันประสบการณ์การเป็นเจ้าของให้กับท่านได้

รถของบอริสนั้น เป็นรถ 1995 Volvo 850 GLE Station Wagon ซึ่งถูกปรับปรุงจุดต่าง ๆ ให้กลายมาเป็น Volvo 850 T-5R เกือบจะครบถ้วน ตั้งแต่กันชนหน้าเฉพาะแบบ รวมไปถึงโลโก้ท้ายครบถ้วน ทำสีตัวถัง Faded Yellow เครื่องยนต์ชนิด T-5 เทอร์โบ 225 แรงม้า ช่วงล่างแบบสปอร์ต ก็คงเหลือแต่ภายในเบาะ Alcantara ที่ยังไม่มี และล้อที่บอริสเลือกใช้แบบ Volan ของ 850 R เพราะชอบมากกว่า และแข็งแรงกว่าล้อแบบ Titan (อีกทั้งในอนาคตบอริสจะเปลี่ยนสีเป็นสีของ 850 R ด้วย)

ตัวผู้เขียนเอง ก็ชื่นชอบรถรุ่นนี้มาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี และสุดท้ายก็ต้องตอบสนองความต้องการ หาซื้อมาใช้เป็นเจ้าของ แม้ว่าจะมีเสียงเตือนมาจากบุคคลรอบตัวหลายครั้งมาก ไม่ว่าจะเรื่องของความจุกจิก เกียร์เปราะ ซ่อมยาก ระบบไฟฟ้ารวน สายไฟกรอบแตก คอนโซลย่อยสลาย รวมไปถึงการขับขี่ที่ไม่ดีอย่างที่คิด และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่มหาศาล

บอริสสามารถยืนยันได้ครับว่า ทุกข้อที่กล่าวมานั้น ผู้คนจะไม่พูดถึงหรอกครับ ถ้าไม่ใช่ความเป็นจริง

แท้จริงแล้ว บอริสก็ยังไม่ประสบปัญหาที่กล่าวมาในทุก ๆ ข้อ การบำรุงรักษานั้นมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกระจายตัวอยู่ และค่าอะไหล่ก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย ส่วนเรื่องเกียร์นั้นรถคันนี้ได้ทำการแยกระบบระบายความร้อนออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และระบบไฟฟ้าก็ไม่มีปัญหาใดกวนใจ แต่สายไฟนั้นกรอบแตกจริง ๆ ครับ

ในส่วนของภายในคือหนึ่งในเรื่องกวนใจที่หลายคนอาจจะรับไม่ได้ ถ้าหากท่านคุ้นชินกับรถใหม่ที่ภายในเงียบกริบ เพราะคอนโซลที่ทำมาจากวัสดุที่พร้อมรีไซเคิล ก็ย่อยสลายไปเกือบหมดแล้ว ส่งเสียงกรอบแกรบทุกครั้งที่เจอถนนขรุขระ รถรุ่นนี้มีอายุอานามมากกว่า 23 ปี ขึ้นไปกันทุกคัน มากกว่าที่ Volvo คาดหวังเอาไว้เป็นอย่างมาก

อัตราสิ้นเปลืองในเมืองที่ทำได้จริง อยู่ที่ 6 กิโลเมตรต่อลิตร และนอกเมืองไม่เกิน 10 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ประสิทธิภาพที่แลกมานั้นทำได้ดี รวมไปถึงเราต้องไม่ลืมว่า รถรุ่นนี้มีน้ำหนักตัวที่มากพอสมควร

นอกจากนั้น การขับขี่ ด้านหน้าของรถนั้นหนักเป็นอย่างมาก บอริสเปรียบเอาไว้ว่ามันเหมือนกับหมูที่ใช้ดมหาทรัฟเฟิลในยุโรป เรารู้สึกได้ว่าด้านหน้าของตัวรถนั้นจะนำส่วนอื่นไปเสียก่อน อีกทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์นั้นยังเบาไป ทำให้ฟีลของพวงมาลัยนั้นจับแทบไม่ได้เลย

แต่ทั้งหมดนี้ เราก็แลกมาด้วยข้อดีอย่าง ภายในที่กว้างขวางสะดวกสบายมาก จากการจัดพื้นที่ภายในที่ดี รวมไปถึงเบาะนั่งที่คำนึงถึงสรีระของผู้โดยสาร อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บของที่กว้างขวาง ซึ่งใช้งานได้จริง

สรุป

สุดท้าย และสำคัญที่สุด บอริสก็คงไม่เขียนบทความนี้ขึ้นมา ถ้าหากรถ Volvo 850 ไม่ได้เป็นรถที่ตราตรึงใจของคนจำนวนมาก

วีดีโอที่บอริสแปะเอาไว้ให้ชมนี้ คือวีดีโอที่ทำให้บอริสตัดสินใจว่า ซักวันหนึ่ง บอริสจะต้องใช้ Volvo 850 มาใช้ให้ได้ซักครั้ง มันคงจะเป็นภาพของรถยนต์ทรงกล่องที่วิ่งลืมตาย พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ชวนให้นึกถึงสนามแข่งขัน

ถ้าหากท่านชื่นชอบในรถ Volvo 850 และอยากได้มานาน แต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวดีหรือไม่ ก็ลองอ่านข้อเสียแต่ละอย่างดู บอริสคงไม่ปฏิเสธครับว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันสำคัญเหรอครับ? เพราะสิ่งที่คุณจะได้มาใช้ มันจะไม่ใช่รถยนต์ แต่มันคือ Icon ของยุค 90 อย่างแท้จริง

ผู้เขียนก็ไม่ทราบครับ ว่าเราจะเหลือเวลาให้ใช้รถยนต์เครื่องสันดาปกันอีกกี่ปี รถยนต์ไฟฟ้าถูกเข้ามาแทนที่เรื่อย ๆ ถ้าหากยังมีโอกาสที่ใช้รถเปลืองน้ำมันได้อยู่ ก็ขอให้โอกาสสุดท้ายนี้อย่างคุ้มค่าละกันนะครับ