หลังจากมีการเปิด Mazda BT-50 กันไปแล้วที่ออสเตรเลีย รอส่งขายภายในตุลาคม 2020 นี้ มีข่าวแว่ว ๆ มาว่าทาง Mazda ที่พึ่งจะร่วมมือกับ Isuzu เตรียมพัฒนา Mazda BT-50 GT และ Isuzu D-Max Off-road ออกมาให้เห็นกันซึ่งอาจจะเป็นกลางปี 2021
ทาง Toyota เองก็ไม่น้อยหน้า ล่าสุดที่ New Zealand ได้มีการออกรุ่นลิมิเต็ดกับ Toyota Hilux Mako (ฉลาม) ที่ผลิตออกมาเพียง 250 คันเท่านั้น โดยทั้ง 3 คันนี้ หวังจะออกมาเป็นคู่แข่งกับ Ford Ranger Raptor ตามเทรนด์คนที่อยากมีรถกระบะใหญ่สายลุยไว้ใช้งาน
มาดูที่ Ford Ranger Raptor กันก่อน
เปิดตัวที่เมืองไทยเป็นที่แรกของโลกในปี 2018 กับ Ford Ranger Raptor เป็นการนำพื้นฐานรุ่น 4 ประตู Double Cab มาพัฒนาใหม่ทั้งคัน โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Ford F-150 Raptor ที่เพิ่มความดุดันเข้าไปด้วยชุดแต่ง กันชนหน้าใหม่ ที่ทนต่อการบุบและรอยขีดข่วน กระจังหน้าสีดำพร้อมตรา Ford แผ่นรองเครื่องยนต์ด้านล่าง ภายในคล้ายเรนเจอร์เหมือนเดิม ปรับแต่งกันที่เบาะหนังคุณภาพดีเพิ่มความสบายในการขับขี่ทางไกล
ขุมพลังที่ต้องบอกได้เลยว่า แรงที่สุด ในกลุ่มกระบะเมืองไทยปัจจุบัน เครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุด 213 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองโดยรวม 11.9 กม./ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แม้จะเป็นเครื่องเล็กที่ 2.0 ลิตร แต่ด้วยพลังที่เยอะ และแรงบิดที่ต่ำ ทำให้กดไปยังไงก็แรง ที่ราคา 1,699,000 บาท
Mazda BT-50 GT และ Isuzu D-Max Off-road
อาจจะต้องรอกันไปก่อนสำหรับประเทศไทย สำหรับบีที-50 นี้ แต่แหล่งข่าวต่างประเทศรายงานว่าทั้ง มาสด้าและอีซูซุ จะมีการทำ Mazda BT-50 GT และ D-max Off-road ที่จะออกมาเป็นรุ่นท้อปที่สุดจากโรงงาน สมรรถนะสูงกว่า ช่วงล่างปรับแต่งใหม่ บรรทุกได้หนักกว่าเดิม
แม้ยังไม่มีรายละเอียดเผยออกมามาก แต่เครื่องยนต์จะได้รับพลังมากขึ้น แรงม้าและแรงบิดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ประมาณ 210 แรงม้า และ แรงบิด 500 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังมาพร้อมยางออฟโรด ระยะห่างจากพื้นเพิ่มขึ้นเป็น 270 มม. และเน้นความเเข็งแรงของระบบช่วงล่างเป็นพิเศษด้วย
Toyota Hilux Mako
เป็นการนำ Hilux Revo รุ่น 4 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อ มาตกแต่งให้ดุ หล่อ ด้วยชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมไฟ LED แนวยาวซ่อนไว้ในช่องระบายอากาศ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 265/60 R18 Maxxis Razr คิ้วล้อสีดำดิบ พร้อมชุดแต่งสีดำรอบคัน
ภายในเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ทรงสปอร์ตเพิ่มความกระชับ ปักโลโก้ Mako พร้อมพวงมาลัยหนังแท้ จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT จอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อความบันเทิง
เครื่องยนต์เดิมดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.8 ลิตร 204 แรงม้าที่ 3,400 รอบ / นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ / นาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมปรับช่วงล่างเสริมด้วยโช๊คอัพแบบ by-pass จาก ARB Old Man EMU พร้อมยกระดับความสูงตัวรถมากขึ้น 40 มม. สำหรับด้านหน้า และ ด้านหลังเพิ่ม 50 มม.
ล่าสุดกับ Toyota Safety Sense เพื่อยกระดับให้เทียบเท่าคู่แข่งทั้ง ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert) และระบบอ่านป้ายจราจร Road Sign Assist
Toyota Hilux Mako มีจำหน่ายเฉพาะนิวซีแลนด์เท่านั้น ในราคา NZ$79,990 หรือ 1,679,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย) แต่มีจำกัดเพียง 250 คันเท่านั้น
แบงค์ให้ 3 คำ: ”น่า อิจฉา จัง”
ถ้าบ้านเรามี Toyota Hilux Mako ก็ถือว่าน่าเก็บแบบยกสูงมาเล่นไม่น้อย แต่ราคาแอบแพงไปนะ หากนำเข้ามาบวกค่าภาษีเล็กน้อย ก็อาจจะเทียบเท่าหรือแพงกว่าแรพเตอร์ไปเลยก็ได้
ตัว BT-50 GT หน้าตาก็สวยงามตามท้องเรื่อง แต่ก็ต้องมาดูกันที่ประสิทธิภาพ ว่าจะพอสู้กับของคนอื่นได้หรือไม่ เนื่องจากมีความน่ากังวลเรื่องช่วงล่าง ที่จะออกมาเป็นอย่างไร และราคาที่ยังไม่เผยออกมา จะฟัดกับกับแรพเตอร์ที่ถือได้เป็นกระบะสายลุยที่แรงที่สุดได้หรือไม่ และจะมีโอกาสเข้าบ้านเรามากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามดู
ซึ่งพอเห็นรถแต่ละคันที่ดี ๆ เข้าต่างประเทศก่อนบ้านเรา มันก็น่าอิจฉานะ