ด้วยราคาจำหน่ายรุ่นเริ่มต้นเพียง 28,800 หยวนหรือประมาณ 152,000 บาท รถอีวีคันจิ๋ว 2022 Wuling Mini EV (2022 วู่หลิง มินิ อีวี) ถล่มตลาดรถยนต์เมืองจีนอย่างราบคาบ
ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในแดนมังกรชื่นชอบในรูปลักษณ์ที่น่ารักของตัวรถบวกกับค่าตัวที่ถูกแสนถูกจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดนใจคนทุกเพศทุกวัย แต่มีบางคนที่ตั้งคำถามว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาโดยบริษัทร่วมทุน SAIC-GM-Wuling Automobile รุ่นนี้กำหนดราคาขายถูกขนาดนี้ได้อย่างไร
มาซาโยชิ ยามาโมโตะ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยนาโงย่าในประเทศญี่ปุ่นก็เกิดความสงสัยเช่นเดียวกัน เขาจึงจับรถยนต์ไฟฟ้าคันจิ๋วรุ่นนี้มาทำการ “ถอดรื้อ” ก่อนจะพบว่าชิ้นส่วนหลายรายการมีต้นทุนต่ำ ไม่ทนทานมากนัก แต่ให้ความสะดวกง่ายดายในการถอดเปลี่ยนทดแทน
สำนักข่าว Nikkei แห่งแดนซามูไรมีโอกาสสัมภาษณ์ยามาโมโตะเซนเซ เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมว่า Wuling สามารถทำราคาให้ต่ำเช่นนี้ได้อย่างไร
คาดการณ์ต้นทุนถูกกว่าที่คิด
SAIC-GM-Wuling เปิดตัว Hongguang Mini EV เมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 มาพร้อมตัวถังขนาดกะทัดรัด ยาวเพียง 2.92 เมตร และกว้าง 1.493 เมตร ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัวและแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก
Mini EV ทำยอดขายได้เกือบ 40,000 คันในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขึ้นแท่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในแดนมังกร เหนือกว่า Tesla Model 3 ซึ่งทำให้ Wuling สามารถคุยโวได้ว่ารถอีวีรุ่นนี้ของพวกเขาทำกำไรได้โดยไม่ต้องมีการอุดหนุนจากภาครัฐ
สมาคมบริหารจัดการแห่งญี่ปุ่น (Japan Management Association) นำเข้า Mini EV ตัวท็อปที่มีราคาจำหน่าย 38,800 หยวนหรือราว 205,000 บาทเพื่อจัดแสดงภายในองค์กร ก่อนส่งต่อให้ยามาโมโตะเซนเซและทีมนักวิจัยทำการถอดรื้อตัวรถ
ยามาโมโตะเซนเซ ทำการประเมินทุกชิ้นส่วนเสร็จสรรพก่อนคาดการณ์ว่าต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้น่าจะอยู่ที่ 480,000 เยนหรือราว 142,000 บาท
การไม่มีระบบคืนพลังงานขณะเบรกทำให้ Mini EV มีต้นทุนน้อยลงอย่างฮวบฮาบ แต่ก็ต้องแลกกับการมีระยะทางขับขี่ที่ค่อนข้างสั้น โดยรุ่นท็อปมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 13.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถโลดแล่นได้ไกลสูงสุด 170 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง
“ระยะทางดังกล่าวถือว่าเพียงพอหากผู้ใช้ชาร์จไฟฟ้าที่บ้านและขับขี่อยู่แค่ละแวกใกล้ ๆ” ยามาโมโตะเซนเซ กล่าว
การปราศจากระบบคืนพลังงานขณะเบรกยังทำให้สามารถใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ซับซ้อนได้ อาทิ คอนเวอร์เตอร์ที่เปลี่ยนกระแสไฟตรงไปเป็นกระแสสลับก็มีต้นทุนเพียง 140 เหรียญสหรัฐ ขณะที่อินเวอร์เตอร์ที่ล้ำสมัยกว่านั้นมีต้นทุนประมาณ 530 เหรียญสหรัฐ
Mini EV ยังไม่มีระบบหล่อเย็นด้วยของเหลวสำหรับมอเตอร์และชิ้นส่วนอื่น ๆ แต่ใช้ระบบหล่อเย็นด้วยอากาศแทน แต่เมื่อเซมิคอนดักเตอร์ในตัวอินเวอร์เตอร์และชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคอื่น ๆ ได้รับผลกระทบจากความร้อน อายุใช้งานของอินเวอร์เตอร์จึงถูกกำหนดไว้ประมาณ 8 ปีหรือ 120,000 กม.
ยามาโมโตะเซนเซชี้ว่า Mini EV อาจมีปัญหาในการใช้งานมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ซึ่งถูกออกแบบให้ใช้งานได้นาน 20 ปีหรือ 200,000 กม. แต่นั่นก็อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก เนื่องจากรถอีวีรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเปลี่ยนอินเวอร์เตอร์หรือโมดูลอื่น ๆ ได้โดยง่าย
Wuling ยังทำการลดต้นทุนด้วยการใช้ชิ้นส่วนหรืออะไหล่ที่หาได้ทั่วไป อาทิ เกียร์ทดรอบ (speed reducer) ที่ผลิตในจีน รวมถึงบอลแบริ่งก็ใช้แบบเมดอินไชน่า ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษแต่อย่างใด
ชิ้นส่วนไฟฟ้า อย่างอินเวอร์เตอร์และตัวชาร์จแบตเตอรี่ก็ไม่ได้ใช้ชิปส์สำหรับยานยนต์ที่มีความทนทานสูง แต่ใช้ชิปส์ที่พบเห็นได้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านซึ่งผลิตโดยบริษัทจากตะวันตกอย่าง Texas Instruments จากสหรัฐอเมริกาและ Infineon Technologies จากเยอรมนี
ชิ้นส่วนเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะชำรุดหรือเสียหายมากกว่า แต่ก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถเปลี่ยนได้อย่างไม่ยากเย็นและการซ่อมแซมก็ทำได้ง่ายดายอีกด้วย
ผู้บริโภคจึงอาจเกิดการรับรู้ว่า Mini EV เป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด มีโอกาสเสียง่าย แต่ก็ซ่อมแซมได้ง่ายด้วยเช่นกัน กระทั่งแม้แต่บริษัทแม่อย่าง SAIC-GM-Wuling ยังให้คำนิยามรถอีวีรุ่นนี้ว่า “ดีกว่าเดิน” (alternative to walking)
ถัง จิน หัวหน้านักวิจัยของ Mizuho Bank กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีความเร็วต่ำได้เป็นอย่างดี ซึ่งตลาดรถประเภทนี้มีขนาดใหญ่มากด้วยยอดขายสูงถึง 1 ล้านคันต่อปี ได้รับความนิยมในเมืองต่าง ๆ ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักทั่วประเทศจีน
Nikkei ระบุว่า ประเทศจีนซึ่งมีประชากรมากที่สุดในโลกมีเมืองขนาดเล็กมากมายที่ยังขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐาน แม้แต่ปั๊มน้ำมันก็หายาก ดังนั้น ผู้คนในต่างจังหวัดจึงต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จไฟจากในบ้านได้และพาพวกเขาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายกว่าการเดิน
เห็นได้ชัดว่าทั้งสามบริษัทร่วมทุนอย่าง SAIC Motor, General Motors และ Liuzhou Wuling Motors ทำการสำรวจตลาดมาอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงทำการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กและมีราคาถูกอย่าง Mini EV ขึ้นมาจนประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม
ขณะเดียวกัน ตัวรถยังมีอุปกรณ์มาตรฐานพอตัว ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยฝั่งผู้ขับขี่ ระบบปรับอากาศ ส่วนเบาะนั่งและแดชบอร์ดก็ตกแต่งด้วยวัสดุที่ให้ผิวสัมผัสเหมาะสมกับราคา
“ผมได้ลองขับ Mini EV แล้ว ไม่ได้รู้สึกไม่พึงพอใจแต่อย่างใด” ยามาโมโตะเซนเซ กล่าวปิดท้าย