รถกระบะ 4 ประตูสมัยนี้ กลายเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับหลายคนแล้ว เพราะตอบโจทย์การจ่ายเงินคันเดียว ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ซื้อข้าวแกงปากซอย จนถึงออกทริปข้ามชายแดน เมื่อเจ้าของรถมักใช้งานเป็นมือและเท้าในทุกโจทย์ชีวิต ดังนั้นผู้ผลิตจึงพยายามพัฒนารถกระบะแบบ 4 ประตูที่ไม่ได้มีไว้แค่ขนของเท่านั้น ยังพ่วงความสามารถให้รอบด้านมากที่สุด แต่การทำแบบนี้ ผู้ทดสอบคาดไว้ว่า มันจะออกมาเก่งแบบเป็ด ทำได้อย่างละนิดละหน่อยเท่านั้น Toyota Revo Rocco 2020 คันนี้จะผิดคาดหรือไม่
การลองขับครั้งนี้ จงใจนำมาลงใช้งานจริงแบบครอบจักรวาล สวมบทบาทเป็นคนที่ต้องใช้รถคันเดียวให้คุ้มค่าที่สุด โดยเลือกทดสอบทั้งขับขี่ในเมืองรถติด ทางเรียบทำความเร็ว และลงดินปั่นโคลนขึ้นมา ยิ่งฝนตกยิ่งเหมาะเลย เพราะรถกระบะจะได้ทดลองกับความลื่นได้อย่างถึงกึ๋น เป็นการลองขับแบบไม่ได้จับสเปคมานั่งอ่าน แต่เน้นใช้งานแบบข้ามวันกันไปยาวๆ เหมือนเป็นเจ้าของจริง
สัมผัสแรกก่อนขับ
รีโว่ ร็อคโค่ โฉมนี้แม้จะได้ชื่อว่าเป็นไมเนอร์เชนจ์ แต่ไม่ได้เปลี่ยนแค่เล็กน้อยตามอายุตลาด มันได้ลบข้อด้อยเรื่องหน้าตาเดิม ที่ดูเหมือนรถหน้างุ้ม เป็นหนุ่มมีมัดกล้ามและดั้งโด่ง นี่ไม่ได้ชมเองคนเดียว แต่ลองขับไปตามแก๊งค์กระบะบางคนมาแล้ว พบว่าชื่นชอบเช่นกัน ต้องชื่นชมฝืมือการวิจัยรสนิยมคนไทยได้ดีทีเดียว จุดที่เสียดายเพียงอย่างเดียว นั่นคือตรงที่ขอบฝาท้ายไม่มีไลน์เนอร์ขึ้นมาครอบทับ ทำให้เวลาขนของในชีวิตจริง ก็มีสิทธิ์จะถูกสัมภาระขูดกินเนื้อสีลึกลงไปถึงชั้นเหล็กได้
วัสดุและงานประกอบ
ก่อนขับยังลองจับสัมผัสและลงลึกในสิ่งที่รูปถ่ายที่ไม่สามารถบรรยายได้ เพราะสิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ เราจึงจี้จุดไปตามช่องไฟ และแก๊ปพลาสติก พบว่ามีเพียงเหล็กรั้งฝาท้ายเท่านั้นที่หย่อนยานไปข้างเดียวซึ่งสามารถปรับตั้งได้ง่ายๆ ส่วนวัสดุบุนวมต่างๆ อย่าหวังจะได้เห็นบนคอนโซล มันมีแต่ความแข็งเท่านั้น และจากการกดและเคาะทั่วคันแล้ว พบว่าไร้เสียงวัสดุพลาสติกเบียดกันอย่างรถราคาถูก มีเพียงจุดวางแขนเท่านั้นที่เป็นนวมนิ่มรองรับได้จริง
ฟังก์ชั่นและประโยชน์ใช้สอยต่างๆ
เรื่องของประโยชน์ใช้สอยจุดนี้เรียกแขกได้มาก เพราะโตโยต้าเก่งเรื่องเพิ่มลูกเล่นใหม่ขึ้นมาเอาใจมือใหม่ใช้รถมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การเข้าออกรถ ใครตัวเตี้ยก็มีราวโหนจับมาให้ ตามด้วยเบาะปรับไฟฟ้าที่มีช่วงยืดยุบเยอะมาก สามารถยืดสูงเอาใจคนเตี้ย หรือยุบลงต่ำสำหรับคนโย่งก็ไหว ทางด้านช่องจ่ายไฟมีให้เยอะจุใจ แม้กระทั่งในกล่องเก็บของก็มี ตบท้ายที่การชื่นชมความสวยงามสักหน่อย ตรงไฟแอมเบี้ยนในห้องโดยสารสีน้ำเงิน เพิ่มความแพงให้ตัวรถไปได้นิดนึง
สมรรถนะการขับจริง
เครื่องยนต์รหัสเดิม 1GD-FTV แต่ปรับปรุงไส้ในใหม่หลายชิ้น ทั้งหัวฉีด เทอร์โบ เรียกอากาศและน้ำมันเข้ามาทำกำลังเพิ่มเป็น 204 แรงม้า เมื่อลองขับดูแล้ว พบความแตกต่างจากรุ่นรีโว่เดิมได้ทันที ไม่ใช่ตรงความแรง แต่ตรงน้ำหนักพวงมาลัย ที่หนืดขึ้นชัดเจน หนืดจนคิดว่าคนกล้ามน้อยอาจจะควงพวงมาลัยเมื่อขับในเมืองไม่ไหว ส่วนความนุ่มนิ่มของช่วงล่างก็เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนอีกอย่างหนึ่ง ทั้งด้านหน้าและหลัง และยังประทับใจกับการเก็บเสียงยางดอกใหญ่ได้ดีด้วย ชื่นชมเสร็จก็นำไปลงใช้งานจริงหลายหลายงาน
ลงลุยทางดิน
หน้าฝนแบบนี้ ถนนดินกลายเป็นเลน จึงจอดรถบิดปุ่มไป H4 แล้วไปจ่อเนินดินข้ามสันขอบถนน ซึ่งมีหลุมใหญ่ที่รถอื่นปั่นดินออกไปเป็นหล่มลึกดักเอาไว้ แต่หล่มนี้ดักรีโว่ไม่ได้ เพราะมีระบบบอกตำแหน่งล้อว่าเลี้ยวไปทิศทางไหน และหันมากน้อยเท่าไหร่ ไปแสดงผลขึ้นหน้าจอ MID ทันทีแบบเรียลไทม์ ทำให้เราจัดแต่งไลน์วิ่งของล้อรถได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องให้คนไปยืนบอกไลน์อีกต่อไป เมื่อตั้งล้อดี ก็ทำให้เร่งเครื่องส่งแรงปีนข้ามเนินได้ด้วยการใช้เพียง Eco Mode เท่านั้น
วิ่งทางไกล
ตอนวิ่งทางไกล กลับมาใช้โหมดออโต้ปกติ ให้รถยนต์คิดแทนเราทั้งหมด เลือกเส้นทางด่วนยาวๆ บนบูรพาวิถี เพื่อลองแรงบิดติดเบาะต่อเนื่องเวลาแซง กับแรงม้าเมื่อทางตรงยาว พบว่าที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์เบามาก ดูเข็มว่าแตะๆไม่ถึง 2,000 รอบ แต่พอเจอลมพัดตีด้านข้างตามสไตล์ทางด่วนเส้นนี้ ทำให้รถยวบยาบจนต้องลดความเร็วลง จากนั้นลองกดก้านเรดาร์ครูซคอนโทรล ที่ทำมาให้หมุนตามพวงมาลัย เพราะจงใจไม่ให้เราใช้งานตอนอยู่ในทางโค้ง พบว่าทำงานแปรผันความเร็วขึ้น-ลงได้นิ่มนวลเหมือนระบบนี้ในรุ่นคัมรีเลยทีเดียว
ใช้งานกลางเมือง
เมื่อลงทางด่วนแล้ว ก็เข้าสู่ใจกลางเมือง มาติดอยู่สุขุมวิท แล้วจงใจแอบขับรถแย่ๆด้วยการเปลี่ยนเลนไม่เปิดไฟเลี้ยว เจ้าระบบ Lane Departure Alert ก็ขัดขืนเราด้วยกำลังแรงพอตัว พร้อมเสียงเตือนแสบโสตประสาทไม่น้อยเลย นับเป็นการดัดนิสัยการขับด้วยเทคโนโลยีได้ดีมาก แต่รู้สึกว่าการใช้ Eco mode ในเมืองอาจจะไม่ทันใจสักเท่าไหร่ เพราะคันเร่งมีการหน่วงระยะยก ต้องกดให้ลึกมากเกือบครึ่งหนึ่งของระยะแป้นทั้งหมด รถจะเคลื่อนที่ได้คล่องตัว ซึ่งการขับรถในเมืองนั้น หากออกตัวเฉื่อยๆช้าๆ ก็จะโดนรถคันอื่นปาดหน้าเข้าเลนตัวเองไปจนหมด ดังนั้นหากใครไม่แคร์เรื่องการกินน้ำมัน ให้ลองใช้ Power Mode แล้วจะพบว่า รีโว่ใหม่ จัดแต่งตำแหน่งคันเร่งได้ทันใจ ให้การออกตัวตีนต้นจี๊ดจ๊าดเหมาะสมกับชั่วโมงเร่งด่วน
สิ่งที่อยากให้เพิ่ม
Toyota Revo Rocco รุ่นใหม่ ถูกปรับปรุงลบข้อด้อยจากรุ่นเดิม ทั้งช่วงล่าง กำลัง และออพชั่นต่างๆ มากมายไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่อยากให้เพิ่มอีกนิด นั่นคือ โช๊คอัพหน้าที่หนืดกว่านี้ เพื่อรั้งการเต้นสปริงหน้าได้น้อยลง กับพวงมาลัยที่ต้องการแปรผันในความเร็วต่ำให้เบาแรงลงอีกนิด ทางด้านฟังก์ชั่นสำหรับรถระดับนี้ ขอแค่เพิ่ม จีพีเอส ระบบนำทางติดมาให้ในรถยนต์ ก็จะสร้างความน่าสนใจเพิ่มได้อีก (โดยไม่รบกวนต้นทุนมากมายนัก)
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ โฉมนี้สัมผัสได้เลยว่าเป็นไม้ตายที่โตโยต้าตั้งใจทำมากที่สุด นับตั้งแต่โครงการ IMV สมัยวีโก้ เพื่อจะกอบกู้ยอดขายกลับมายืนหนึ่งอีกครั้ง โดยจับข้อดีของคู่แข่งแต่ละอย่าง มารวมกันไว้มากที่สุด เท่าที่ราคา 1,239,000 บาทจะเอื้ออำนวยให้ได้ แถมยังมีข้อดีด้านการบริการหลังการขายช่วยอีกแรง ดังนั้นถ้าจะบอกว่ารีโว่รุ่นนี้น่าซื้อ อย่าเพิ่งเชื่อ...จนกว่าจะได้ไปลองด้วยตัวเอง ว่าจริงอย่างที่อ่านมาหรือไม่
ข้อมูลToyota Hilux Revo Rocco Double Cab 4x4 2.8 AT |
รหัสเครื่องยนต์ |
1GD-FTV |
ความจุ |
2,755 ซีซี |
กำลัง |
204 แรงม้า/ 3,400 รอบต่อนาที |
แรงบิด |
500 นิวตันเมตร/ 1,600-2,800 รอบต่อนาที |
เกียร์ |
อัตโนมัติ 6 สปีด |
ระบบขับเคลื่อน |
4 ล้อ พร้อม Differential Lock ที่เฟืองท้าย |
ขนาดล้อและยาง |
265/60R18 |
มิติตัวถัง |
ยาว 5,325 มม.
กว้าง 1,900 มม.
สูง 1,815 มม.
|
ระบบความปลอดภัยเด่น |
Toyota Safety Sense
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
ระบบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
ระบบแจ้งเตือนรถในมุมอับ
ถุงลมนิรภัย 7 จุด
|
ราคา |
1,239,000 บาท (รวมอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ) |