รัฐบาลร่อนจดหมายเชิญบริษัทรถยนต์กว่า 20 รายร่วมหารือปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ คาดขึ้นภาษีรถเครื่องยนต์สันดาปภายในสูงสุด ขณะที่ยอดผลิต-ยอดขายรถยนต์กลับมาเติบโตครั้งแรกรอบ 16 เดือน
กระทรวงการคลัง กรมสรรพสามิต และบริษัทรถยนต์กว่า 20 รายในประเทศไทยเตรียมเข้าร่วมประชุมภายในเดือนมกราคม 2564 เพื่อหาแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์รอบใหม่หลังจากโครงสร้างในปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในปี 2568
อัตราภาษีที่น่าจับตามองคือรถเครื่องยนต์สันดาปภายในที่จะถูกปรับขึ้นระดับสูงสุด เพื่อส่งเสริมให้บริษัทรถยนต์มุ่งเน้นไปที่รถยนต์พลังงานทางเลือกที่ปล่อยมลพิษต่ำมากขึ้น อย่างรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
รถเครื่องยนต์สันดาปเจอกำแพงภาษีแพงสุด
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลต้องการใช้มาตรการด้านภาษีในการจูงใจให้บริษัทรถยนต์ผลิตรถพลังงานทางเลือกมากขึ้นและลดการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งอาจรวมถึงการขึ้นภาษีรถเครื่องยนต์สันดาปทุกประเภทไม่เว้นแม้แต่รถยนต์อีโคคาร์ที่มีมลพิษต่ำและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่ารถประเภทอื่น
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าบริษัทรถยนต์ต้องการให้รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมการใช้รถพลังงานทางเลือกในด้านอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย เพราะการลดภาษีอย่างเดียวไม่อาจสนับสนุนให้เกิดความพร้อมใช้งานในกลุ่มผู้บริโภคของไทย
“ถ้าผู้ซื้อไม่พร้อม เราก็ไม่สามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ เพราะยังมีราคาแพงเกินไปและขาดโครงสร้างพื้นฐานอย่างจุดชาร์จไฟฟ้า” แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน บริษัทรถยนต์บางรายยังต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับตลาดหลักอย่างรถกระบะและรถอีโคคาร์ พร้อมกับกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านจากรถเครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถพลังงานไฟฟ้าอย่างเหมาะสมและไม่กระชั้นเกินไป
ตลาดรถยนต์เติบโตครั้งแรกในรอบ 19 เดือน
ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 172,455 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 11.92% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและขยายตัว 15.46% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม ถือเป็นการฟื้นตัวกลับมาอยู่ในแดนบวกครั้งแรกในรอบ 19 เดือน
รายงานข่าวระบุว่า ยอดการผลิตรถยนต์ในไทยมีการเติบโตตามความต้องการซื้อรถยนต์ในหลายประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19
ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ในประเทศในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 79,177 คัน ขยายตัว 2.7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 6.83% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม โดยกลุ่มที่มียอดขายมากที่สุดคือรถกระบะที่มีการเติบโตต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });