ช่วงนี้ถือได้ว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้านั้นมาแรงในประเทศไทยเป็นอย่างมาก หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจ หรืออยากจับจองมาเป็นเจ้าของ
แต่ก็ยังกังวลเรื่องระยะการวิ่งอยู่บ้าง EV ทั้งหมดนั้น จะมีเทคโนโลยีมากมายที่จะมาช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่าจะมีการพิสูจน์ออกมาว่า รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีต้นทุนในการเป็นเจ้าของต่ำกว่าเครื่องยนตืสันดาปอยู่มาก แต่อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ยังเป็นประเด็นใหญ่ ซึ่งหลายผู้ผลิต EV มักจะบอกว่า แบตเตอรี่ทุกลูกนั้น จะเสื่อมสภาพลงทุกครั้งที่มีการชาร์จและคลายประจุ
โดยพื้นฐานแล้ว การสูญเสียประจุของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า หรือแบตลิเธี่ยมไอออนเป้นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อัตราในการลดลงนั้นมีหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่วิธีการชาร์จ ไปจนถึงสารเคมีภายในที่จะส่งผลต่อการประจุพลังงานระยะยาว
แม้จะมีหลากหลายปัจจัย แต่มีองค์ประกอบ 4 ประการที่จะทำให้ระดับพลังงานในแบตเตอรี่ลดลง
การชาร์จไว
การชาร์จไวนั้นไม่ได้ส่งผลให้ระดับแบตเตอรี่ลดลงโดยตรง แต่จะทำให้แบตมีอุณหภูมิสูงกว่าเดิม อาจทำให้ส่วนประกอบภายในของเซลล์แบตเตอรี่เสียหายได้ ส่งผลให้ Li-ion (ลิเธี่ยมไอออน) สามารถถ่ายโอนจากขั้วลบไปยังขั้วบวกได้น้อยลง อย่างไรก็ตาม การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่นั้นไม่สูงอย่างที่คิด
ช่วงต้นทศวรรษที่แล้ว Idaho National Laboratory ได้ทดสอบ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) รุ่นปี 2012 สี่คัน โดยสองคันชาร์จด้วยเครื่องชาร์จที่บ้านขนาด 3.3kW และอีกสองคันชาร์จที่สถานีไฟฟ้ากระแสตรง 50kW
หลังจากผ่านไป 65,000 กิโลเมตร พบว่าคันที่ชาร์จไวมีการเสื่อมสภาพเพิ่มขึ้น 3% ซึ่งก็ทำให้ระยะโดยรวมลดลงได้ แต่อุณหภูมิจะมีผลกระทบต่อความจุโดยรวมกว่ามาก
อุณหภูมิโดยรอบ
อุณหภูมิที่เย็นกว่าอาจทำให้อัตราการชาร์จของ EV ช้า และมีระยะลดลง อุณหภูมิที่อุ่นจะทำให้ชาร์จได้ไวกว่าเล็กน้อย เนื่องจากทำให้สารภายในเดินทางได้ไว แต่การเจอกับสภาวะที่ร้อนเป็นเวลานานอาจทำให้เซลล์เสียหายได้ เช่นกัน
ระยะสะสม
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ยิ่งชาร์จซ้ำมากเท่าไร เซลล์ก็จะสึกหรอมากขึ้นเท่านั้น Tesla เคยกล่าวว่า Model S หลังผ่านไป 40,000 กิโลเมตร แบตจะลดประสิทธิภาพลงไป 5% และจะลดอีก 5% หลังจาก 200,000 กิโลเมตร แต่นี่เป็นการคำนวนจากค่ามาตรฐาน ยังไม่รวมในกรณีที่มีดีเฟคในรถ
เวลา
จากทุก ๆ ปัจจัยที่กล่าวมา เวลาคือส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลง เป็นการสะสมจากทั้งการชาร์จ อุณหภูมิ และระยะในการวิ่ง ส่งผลให้ปริมาณแบตลดลงไปมากเลยทีเดียว
ข้อควรระวัง อย่าเชื่อใจรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง
ในบางทีคุณอาจจะสนใจรถยนต์ไฟฟ้า แต่ป้ายแดงนั้นมีราคาค่อนข้างแพง จึงหันมามองตัวเลือกรถมือสอง โดยปกติรถยนต์ไฟฟ้าและ PHEV จะมีประกันแบตเตอรี่เสื่อม แล้วแต่ค่ายว่าจะให้มาเท่าไร
จึงควรมองหารถที่ยังพอมีประกันเหลืออยู่ และสอบถามกับเจ้าของเดิมให้แน่ชัดว่าเคยเกิดอุบุติเหตุ หรือมีอาการเสียหรือไม่ แล้วได้รับการเคลมหรือยัง
เพราะอย่างที่ทราบกันดี ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นมีราคาแพงมาก อย่างต่ำก็ 80,000-160,000 บาทจากที่เราเคยเห็นกัน