Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) กระบะรุ่นดังที่ขายในไทยมาแล้ว 3 เจเนอเรชั่นแล้ว โดยบทความมือสองต้องรู้คราวนี้ จะขอแนะนำดีแมคซ์รุ่นที่ 1 มีจุดเด่นที่ไฟหน้าแนวตั้ง ซึ่งเราเห็นว่าเป็นรถกระบะที่มีความคุ้มเงินมากสุด แต่รุ่นย่อยมีเยอะมาก ควรเลือกตัวไหนจะคุ้มสุด ไมเนอร์เชนจ์กี่โฉม ชื่อรุ่นย่อยทั้งหลายแหล่ วันนี้รวมมาให้อ่านกันแล้ว
รุ่นแรกเปิดตัว 2002
ประวัติ Isuzu D-Max เจเนอเรชั่นแรก เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อพฤษภาคม 2002 ฉีกค่านิยมเดิมของรถกระบะทั่วไปในยุคนั้น กลายเป็นกระบะหน้าหรู พร้อมมีมิติตัวถังขนาดใหญ่กว่ารถกระบะในระดับเดียวกัน ซึ่งตอนนั้นมี Toyota Hilux Tiger, Nissan Frontier, Mitsubishi Strada
อีซูซุ ดีแมคซ์ โฉมแรกยังใช้เครื่องยนต์ตระกูล Dragon Power หรือฉายามังกรทองจากรุ่นก่อน ใช้หัวฉีด Direct Injection มีความจุ 2 ขนาดคือ 2.5 ลิตร รหัส 4JA1-T ให้กำลัง 79 แรงม้า แรงบิด 176 นิวตันเมตร
รุ่นพลังแรงสุดคือดีเซล 3.0 ลิตร รหัส 4JH1-T ให้กำลัง 120 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตันเมตร ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ หันมาใช้ระบบควบคุมแบบกดปุ่มด้วยระบบไฟฟ้าในชื่อ Touch-On-The-Fly
ไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกในปี 2004
Isuzu D-Max ไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกปี 2004 เพื่อต้อนรับคู่แข่ง Toyota Hilux Vigo โดยการเปลี่ยนกระจังหน้าให้อ้ากว้างขึ้น มีขอบกระจังปาดลงไปเป็นแนวเดียวกับช่องดักลมล่าง
ใช้เครื่องยนต์ใหม่แบบหัวฉีด Common Rail แรงดันสูงกว่า ทำกำลังได้ดีกว่า โดยมีบล็อคดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC ให้กำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร และดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC ให้กำลัง 126 แรงม้า แรงบิด 294 นิวตันเมตร
ไมเนอร์เชนจ์ครั้ง 2 ไฟหน้าข้าวหลามตัด
ต่อมาในปี 2006 ได้เปิดตัวรุ่นปรับโฉม Minorchange เปลี่ยนรูปร่างไฟหน้าเป็นทรงข้าวหลามตัด กับไฟตัดหมอกทรงกลม ไฟหน้ารุ่นท็อปนั้นเป็นแบบโปรเจ็คเตอร์รายแรกของรถกระบะเมืองไทย ไฟท้ายเปลี่ยนเป็นทรงคางหมูปลายแหลม
ส่วนภายในเปลี่ยนกรอบแอร์เป็นวงกลม พร้อมหน้าปัดเรืองแสงลายใหม่ พวงมาลัยทรงเหลี่ยมขึ้น และหัวเกียร์ทรงใหม่
อ่านเพิ่มเติม : Toyota Hilux Vigo มือสอง มีดีอะไร ถึงคว่ำยอดขาย D-Max
ด้านขุมพลังก็ปรับปรุงเครื่องดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร เพิ่มอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังเพิ่มเป็น 146 แรงม้า แรงบิด 294 นิวตันเมตร
เครื่องตัวแรงสุดคือดีเซล 3.0 ลิตรเพิ่มเทอร์โบแปรผัน (VGS) ให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร ส่วนเครื่อง 2.5 ลิตรยังคงมาตรฐานความแรง และเน้นความทนทานเหมือนเดิม
2007 Isuzu D-Max Gold series
Isuzu D-Max เปิดตัวรุ่นพิเศษ Gold series ในปี 2007 เพื่อฉลอง 50 ปีของบริษัทนี้ ถือเป็นปีทอง จึงได้เพิ่มการตกแต่งพิเศษด้วยสัญลักษณ์ ISUZU ที่กระจังหน้า ฝากระบะท้าย และพวงมาลัย เปลี่ยนเป็นสีทองทั้งหมด พร้อมสีตัวถังใหม่ ทองเมทัลลิค
2008 Isuzu D-max Platinum
Isuzu D-Max รุ่นย่อยใหม่ Platinum เปิดตัวในปี 2008 เพิ่มกล้องมองหลังเป็นครั้งแรกในวงการรถกระบะเมืองไทย แถมตกแต่งแถบกระจังและกรอบไฟตัดหมอกเป็นสีเงินด้าน เช่นเดียวกับกรอบคอนโซลภายในด้วย
2009 Isuzu D-max Super Platinum
Isuzu D-Max แก้เกมส์เอาชนะโตโยต้า วีโก้ ด้วยรุ่นย่อยใหม่ Super Platinum เปิดตัวในปี 2009 เพิ่มระบบนำทาง GPS Garmin เป็นครั้งแรกในรถกระบะ และมีระบบอินโฟเทนเม้นท์ i-GENii มาให้เป็นครั้งแรกด้วย
2010 Isuzu D-max Super Titanium
Isuzu D-Max รุ่นย่อยสุดท้าย Super Titanium เปิดตัวในปี 2010 เพิ่มกล้องมองด้านหน้าเป็นครั้งแรกในวงการรถกระบะเมืองไทย มีมุมกว้างถึง 190 องศา ปรับมุมได้ทั้งแบบ มองซ้าย มองขวา หน้าตา และมุมก้ม อันเป็นออพชั่นไม้เด็ดที่งัดมาสู้กับคู่แข่ง ก่อนที่จะถูกตัดออกไปในรุ่นโมเดลเชนจ์จนถึงปัจจุบัน
2010 Isuzu D-max X-Series
จุดเริ่มต้นของรถกระบะแต่งซิ่ง เริ่มจากในปี 2010 ที่เปิดตัวรุ่นแต่งสปอร์ต โดยมีออพชั่นแบบรุ่น Super Titanium แต่ได้เพิ่มเติมตัวอักษรแดง สติ๊กเกอร์แต่ง และลายกราฟฟิคต่าง ๆ รอบคัน
ราคามือสองคุ้มสุด
ราคามือสอง Isuzu D-Max พบว่าในโฉมแรก เริ่มต้นกับตัวถังหัวเดี่ยวรุ่น Spark มีราคาเริ่มต้นแค่ 100,000 บาท หรือตัวถัง 4 ประตู Cab-4 ก็มีราคาประมาณ 200,000 บาท ที่มีราคาถูก เพราะเครื่องยนต์มีกำลังน้อย และกินน้ำมัน
เราแนะนำรุ่นไมเนอร์เชนจ์ปี 2006 ที่ใช้เครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่สุดแล้ว เพราะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 300,000 บาทขึ้นไป ซึ่งนับว่าถูกและคุ้มค่ามาก เพราะราคาขายต่อรถยี่ห้อนี้จะต่ำลงไปกว่านี้ไม่มากแล้ว ซึ่งเป็นจุดแข็งที่มีรถไม่กี่รุ่นทำได้อย่างนี้