รถยนต์อเนกประสงค์ในปัจจุบัน ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะใช้งานได้หลากหลายแบบคันเดียวจบ สำหรับผู้ที่เน้นเอาใจผู้โดยสารมากกว่าใช้ขนสัมภาระ มักจะมองรถแบบ MPV แบบ 7 ที่นั่งเอาไว้ ซึ่งปัจจุบันรถประเภทนี้มีขนาดเล็กลง เพิ่มความประหยัดกว่าเดิม
กระแสของรถ 7 ที่นั่งขนาดเล็ก เครื่องยนต์ระดับ 1.5 ลิตร เริ่มมาตั้งแต่สมัย Toyota Avanza เปิดตัวในปี 2004 ตามด้วย Suzuki APV ในปี 2005 และทำยอดขายดี จนฮอนด้าตัดสินส่งผลิตภัณฑ์ตนเองลงมาเล่นกลุ่มนี้ด้วย
Honda Freed (ฮอนด้า ฟรีด) รถอเนกประสงค์พื้นฐานเดียวกับ Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) รหัสตัวถัง GE โดยยึดฐานล้อยาวกว่าพื้นฐานเดิมเป็น 2,740 มม. เทียบเท่า Toyota Camry และเพิ่มเบาะเป็น 7 ที่นั่ง เปิดตัวในไทยปลายปี 2009 มีจุดเด่นในด้านห้องโดยสารที่กว้างขวางและการจัดวางพื้นที่ใช้สอยสไตล์ Open Cafe ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย
Honda Freed ใช้โครงสร้างแบบโมโนค็อก ไม่ใช่แชสซีส์แบบคู่แข่ง ทำให้มีหลังคาสูง และพื้นรถต่ำ เข้าออกสบาย ไม่ต้องก้มหัวหรืองอตัวเข้า-ออกจากรถ เมื่อเข้าไปนั่งแล้วยังเหลือพื้นที่ศีรษะมาก และสามารถเดินทะลุไปมาภายในรถได้ง่ายกว่ารุ่นคู่แข่ง
ประตูสไลด์ที่ไม่จำเป็น
Honda Freed มีจุดเด่นอีกอย่างที่ไม่เหมือนคู่แข่งในตอนนั้น นั่นคือ ประตูสไลด์ ทำให้เข้าออกในลานจอดรถแคบ ๆ ได้สะดวก ในรุ่นท็อปเพิ่มความสะดวกด้วยประตูสไลด์ด้วยไฟฟ้า แต่เรามองว่าไม่ค่อยจำเป็นนัก ถ้าไม่มีผู้สูงอายุมาโดยสารด้วย เพราะเดิมทีประตูบานแค่นี้ก็ไม่ได้ใช้แรงเปิดมากมาย
อ่านเพิ่มเติม : ของเก่าดีกว่า? ทำไม Honda Jazz ยังขายดี แม้กระทั่ง City Hatchback ก็มาแทนไม่ได้
เครื่องแรงสุดในกลุ่ม
เครื่องยนต์ของ Honda Freed ก็ใช้บล็อคเดียวกับ Honda Jazz GE แบบเบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ กำลัง 118 แรงม้า และแรงบิด 146 นิวตันเมตร ซึ่งนับว่ามากกว่าคู่แข่งที่มีกำลัง 94 และ 102 แรงม้า ดังนั้นจึงเป็นรถตัวถังทรงตู้ใส่เครื่อง 1.5 ลิตรที่มีกำลังสูงสุดในตัวเลือก ณ ตอนนั้นแล้ว หากใครที่เคยขับแจ๊ซมาก่อน ก็อาจจะบ่นว่าอืด โดยลืมมองไปว่านี่คือรถตู้
อ่านเพิ่มเติม : รีวิว 2021 Honda City Hatchback e:HEV จ่ายเพิ่มอีก 1 แสนจากเทอร์โบ
ออพชั่นไปกองในรุ่นท็อป
Honda Freed เปิดขายตอนป้ายแดงด้วย 2 รุ่นย่อย ซึ่งเราแนะนำให้ซื้อรุ่นท็อป EL ไปเลยดีกว่า เพราะว่าได้เบาะหนังทั้งคัน ใส่หน้าจออินโฟนเทนเม้นท์แบบสัมผัสได้ขนาด 7 นิ้วเชื่อมต่อ Bluetooth มีกล้องมองหลัง และมีหน้าจอความบันเทิงขนาด 10 นิ้วติดให้เบาะหลังด้วย ส่วนประตูไฟฟ้า แม้ไม่จำเป็นนัก แต่ก็ช่วยอำนวยความสะดวกเป็นกำไรเพิ่มเข้ามาด้วย
ออนด้า ฟรีด ในปี 2012 เปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ เปลี่ยนกระจังเป็นโครเมียม ล้อปัดเงาลายใหม่ ทำให้ดูหรูหรามีราคาไปอีก
อ่านเพิ่มเติม : Rendered : 2021 Honda City Hatchback แปลงหน้า 2021 Honda Jazz ลบภาพโหด เพิ่มโหมดแบ๊ว
ข้อเสียที่ต้องรับให้ได้
Honda Freed แม้มีคุณสมบัติเหนือกว่าคู่แข่งหลายด้าน แต่ก็ยังมีข้อเสียที่หนีไม่พ้น อย่างแรกคือ การเก็บเสียงที่ไม่ดี ทั้งเสียงเครื่อง เสียงลม รวมถึงเสียงสะเทือนของตัวถังทรงกล่อง เวลาขับผ่านทางขรุขระ ผนังรถสั่นสะเทือนตามสไตล์รถทรงกล่อง ต้องแก้ปัญหาด้วยเงินหลักหมื่น ทำการแดมป์ตัวถังทั้งหมด นอกจากช่วยลดเสียงแล้ว ยังช่วยกันความร้อนได้นิดหน่อยด้วย
ข้อเสียที่ 2 คือความคับแคบ หากนั่ง 7 คนจะคับแคบหน่อย เพราะเบาะแถว 3 ตรงกลางจะนูนขึ้นมา เป็นตำแหน่งที่นั่งไม่สบายที่สุดของรถรุ่นนี้
อ่านเพิ่มเติม : เทียบสเปคความสูงใต้ท้องรถ SUV, MPV ทุกรุ่นที่ขายไทยในปี 2021
แม้เป็นรถหลังคาสูงกว่าใคร แต่ที่วางขามีน้อยกว่าที่คาด คนตัวสูงอาจจะต้องเลื่อนเบาะไปเบียดเนื้อที่วางขาคนด้านหลังอีกเล็กน้อย หรือซื้อเบาะรองเสริม เพราะเบาะคนขับปรับสูงต่ำไม่ได้
ด้วยความที่ Honda Freed เป็นรถที่ข้อดีเยอะกว่าข้อเสีย ทำให้มีความต้องการสูง ดังนั้นจึงเกิดข้อเสียที่ 3 คือ ราคามือสองแข็งมาก โดยปัจจุบันยังขายกันอยู่ที่ระดับ 400,000 บาทบวก/ลบนิดหน่อย ตามสภาพและรุ่นย่อย ในขณะที่คู่แข่งปีเดียวกันอย่าง Avanza และ APV มีราคามือสองร่วงลงไปถึง 1 แสนกว่าบาทแล้ว
อ่านเพิ่มเติม : Top 5 รถมือสองราคาแข็ง ขายต่อไม่ตกง่าย ซื้อไว้ใช้ตอนนี้ไม่มีขาดทุน
หากใครคิดว่า Honda Freed ราคามือสองแพงเกินไป หรือไม่คุ้มค่าที่จะจ่าย ก็ลองมองทางเลือกอีกรุ่นนั่นคือ Toyota Sienta (โตโยต้า เซียนต้า) ที่เปิดตัวในปี 2016 มีรูปทรงทันสมัยกว่า ประตูสไลด์อ้าได้กว้างกว่า พื้นรถต่ำกว่า เบาะจัดวางแบบเล่นระดับขั้นบันได Theater seat แถมได้ระบบความปลอดภัยดีกว่า ด้วยถุงลมนิรภัย 3 ตำแหน่ง ระบบช่วยทรงตัว ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน ในราคามือสองประมาณ 500,000 บาทบวก/ลบนิดหน่อย
อ่านเพิ่มเติม : Toyota Sienta รถอเนกประสงค์ MPV ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Dual VVT-i ด้วยราคาเริ่มต้น 7.65 แสนบาท
อีกตัวเลือกหนึ่งคือ Honda Mobilio (ฮอนด้า โมบิลิโอ้) ที่เปิดตัวในปี 2014 มีพื้นฐานจาก Brio ไม่มีประตูสไลด์ โดยเป็นรถแวนหลังคาเตี้ยกว่า ทรงสปอร์ตออกไปทางรถเก๋งมากกว่า มีขุมพลังใช้เครื่องเบนซิน 1.5 กำลัง 118 แรงม้าเท่ากัน มีจุดเด่นที่ได้ความสดใหม่ในราคามือสองเท่ากันที่ประมาณ 400,000 บาทบวก/ลบ
อย่างไรก็ตาม คุณต้องไปลองขับ Honda Freed เทียบกับรุ่นอื่น ๆ ด้วยตัวเอง บางทีคุณอาจจะตกหลุมรักรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่รุ่นอื่นไม่มีก็เป็นได้
อ่านเพิ่มเติม : Honda Freed ขายครบ 1 ล้านคัน เผยรุ่นใหม่จ่อเปิดตัวกันยายน ถึงเวลาหวนคืนเมืองไทย?