Toyota Soluna Vios Turbo (โตโยต้า โซลูน่า วีออส เทอร์โบ) เป็นรถซีดานขนาด B-segment เจเนอเรชั่นที่ 2 โดยโฉมนี้มีการใช้ชื่อ Vios เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่มีรุ่นย่อยตัวท็อปสุดใช้เทอร์โบ ทำให้ครองตำแหน่งรถขนาดซับคอมแพ็คที่แรงสุดในประเทศไทย และแพงสุดในระดับเดียวกัน อย่างที่ไม่มีใครล้มแชมป์ได้จนถึงปัจจุบัน

Toyota Soluna Vios Turbo ใช้พื้นฐานจากรุ่น E ซึ่งเป็นรุ่นกลาง เกียร์ธรรมดา โดยนำมาเพิ่มเติมการตกแต่งภายนอก ด้วยสเกิร์ตด้านลางรอบคัน รวมถึงสปอยเลอร์หลังที่ฝังไฟเบรค LED ทันสมัย ใส่สคูปดักลมบนฝากระโปรงที่รับอากาศเข้าอินเตอร์คูลเลอร์ได้จริง ตรงท้ายรถมีจุดเด่นที่ตัวอักษรคำว่า Turbo สีแดง

ภายในตกแต่งแผงคอนโซลหน้า และแผงสวิตช์ควบคุม ด้วยวัสดุลายคาร์บอน เคฟลาร์ (Carbon Kevlar), ชุดแป้นเหยียบอลูมิเนียม, เบาะหนังดีไซน์สปอร์ตหุ้มวัสดุพิเศษ Alcantara และ หัวเกียร์เมทัลลิกสลับหนัง แต่มีเรือนไมล์คงเดิม ซึ่งไม่มีมาตรวัดความร้อนให้ดู หากใครนำไปซิ่งแรงสูงจนเครื่องฮีต รถจะขึ้นแค่สัญลักษณ์ไฟเตือนเท่านั้น

วีออส เทอร์โบ ใช้เครื่องยนต์รหัส 1NZ-FE ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ติดตั้ง Turbo และ Intercooler โดยสำนักแต่ง TRD กับจูนกล่องอีซียูใหม่ ให้แรงม้าสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีดขับเคลื่อนล้อหน้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.1 วินาที และอัตราเร่ง 0-402 เมตร ภายใน 15.9 วินาที

ช่วงล่างมีการโหลดเตี้ยลง 30 มม. ทำให้เหลือระยะต่ำสุดจากพื้นเพียง 113 มม. เพิ่มค้ำโช้คหน้าจากโรงงาน ให้ล้อแม็กขนาดรอบวง 16 นิ้ว กว้าง 7 นิ้วลายซี่ตรงแบบใหม่ พร้อมสเปคยาง 205/45 เปลี่ยนคลัทช์เป็นเกรดสมรรถนะสูง เปลี่ยนเบรกหลังให้กลายเป็นดิสก์เบรกครบ 4 ล้อ พร้อมผ้าเบรกหน้าเกรดสูงขึ้น

อ่านเพิ่มเติม : มือสองต้องรู้ Toyota Vios เห็บหมา ถ้าไม่ชอบความทนทาน ประหยัดน้ำมัน ก็อย่าซื้อ

เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2004 ด้วยราคาที่สูงมากถึง 855,000 บาท ต่อมามีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งประเทศในเดือนกรกฎาคม 2004 ทำให้มีราคาลดลงเหลือ 799,000 บาท ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 600 คัน และจำหน่ายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ก็ยังขายไม่หมดโควต้า เพราะมีราคาสูงเกินเอื้อม เมื่อเทียบกับวีออสรุ่นธรรมดาที่มีราคา 522,000 บาท

อ่านเพิ่มเติม : อิทธิพลของ Toyota ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สรุปได้ในรถ 5 รุ่น

เนื่องจากมีรถออกมาน้อย ยิ่งทำให้ตลาดรถมือสองลุกเป็นไฟ แย่งซื้อกันใหญ่ เพราะไม่มีคนปล่อยขายมากนัก โดยราคาล่าสุดที่เคยเห็นมีการซื้อขายเมื่อปีก่อนอยู่ที่ 250,000 บาทขึ้นไป และยิ่งอยู่นาน ยิ่งมีราคาดีดขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับสภาพรถด้วย คาดว่าหลังจากบทความนี้ออกอากาศไป คงมีราคาแตะ 300,000 บาทในปีหน้าแน่นอน ย้ำว่าถ้ามีคนปล่อยขายนะครับ

อ่านเพิ่มเติม : รวมรถมือสอง 5 รุ่นที่ราคาขายต่อไม่ตก