เปิดตัวชุดแต่งใหม่ใน 2021 Toyota Fortuner GR Sport (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ จีอาร์ สปอร์ต) PPV ขายดีอันดับ 1 ของ Toyota (โตโยต้า) มากว่า 9 ปี การมาใหม่ในครั้งนี้พร้อมการไมเนอร์เชนจ์ได้ระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม
โดยหากจะเทียบกันในด้านราคาแล้ว ก็จะต้องมองไปที่ PPV ที่เคยแพงที่สุดอย่าง Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์) ในรุ่น Titanium+ 4x4 ที่มีราคาห่างกันอย่างสูสี แต่มีอุปกรณ์ที่ค่อนข้างครบครันกว่า
โดยเราจะมาดูกันว่า เขาเอาอะไรมาสู้กันบ้าง ทั้งด้านราคาและเครื่องยนต์ ความคุ้มค่า
เทียบราคา
ราคา Fortuner vs. Everest
Toyota Fortuner
GR Sport
1,879,000 บาท
Ford Everest
Titanium+ 4x4
1,799,000 บาท
โดยราคาของทั้งสองคัน จะห่างกันอยู่ที่ 80,000 บาท เว้นแต่ว่าคุณจะเลือกออพชั่นเพิ่มหลังคาดำในโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ก็จะมีราคาสูงถึง 1,899,000 บาทเลยทีเดียว
แต่อย่าให้ราคาเป็นตัวตัดสินอย่างเดียว ไปดูอย่างอื่นกัน
อ่านเพิ่มเติม Review Ford Everest 4x4 Titanium+ ดีขึ้นทุกด้าน แต่เจอคู่แข่งแล้วยังสู้ไหวไหมนะ
เทียบมิติตัวถัง
มิติตัวถัง Fortuner vs. Everest
รุ่น
Fortuner (มม.)
Everest (มม.)
กว้าง
1,855
1,869
ยาว
4,795
4,903
สูง
1,835
1,837
ระยะฐานล้อ
2,750
2,850
ความสูงใต้ท้อง
193
225
น้ำหนัก
2,165 กก.
2,460 กก.
ในส่วนนี้ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์จะได้เปรียบมากกว่าทุกด้าน ระยะฐานล้อที่กว้างกว่า จะช่วยให้ในห้องโดยสารมีพื้นที่มากขึ้น แต่จะเสียเปรียบในเรื่องของน้ำหนักตัวรถที่หนักกว่า อาจส่งผลต่อความคล่องตัวในการขับขี่เล็กน้อย
อุปกรณ์ภายนอก
เรื่องการออกแบบถายนอกต้องบอกว่าแล้วแต่คนจะชอบ แต่หากมองดูแล้ว โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์จะมีหน้าตาที่ค่อนข้างสปอร์ตกว่า แต่เราจะมาเทียบออพชั่นภายนอกกันว่าใครมีอะไรบ้าง
โดยทั้งคู่จะมีออพชั่นคล้าย ๆ กันที่ ไฟหน้าและ Daytime Running light ไฟท้าย เป็น LED, กระจกข้างปรับ-พับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว, ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 265/60 R20, ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ แต่ที่จะต่างกันก็คือ
ออพชั่นภายนอก
รุ่น
Fortuner
Everest
Panoramic Sunroof
-
มี
ปลอกปลายท่อแสตนเลส
มี
-
ประตูท้ายไฟฟ้าแบบเตะ
พร้อมระบบกันการหนีบ
ได้ทั้งเปิด-ปิด
ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
-
มี
ปลอกปลายท่ออาจไม่สำคัญ แต่ก็แล้วแต่ท่านจะมองว่าคุ้มค่าหรือไม่ รวมถึงซันรูฟ ที่จะช่วยเพิ่มความหรูหราและสว่างให้กับรถได้ เพราะฟอร์ด เอเวอร์เรสต์เขาเป็นคันแรกที่มีมาให้ ในรุ่น
ในส่วนของระบบของการเปิดฝาท้ายจะใช้แบบไฟฟ้าทั้งคู่ ที่สามารถเตะเพื่อเปิดได้ เอเวอร์เรสต์จะได้ทั้งแบบเปิดและปิด แต่ฟอร์จูนเนอร์จะเปิดได้แค่อย่างเดียว แต่ทดแทนด้วยระบบป้องกันการหนีบ
สำหรับไฟส่องสว่างข้างตัวรถหากมีไว้ก็จะค่อนข้างปลอดภัยกว่าเมื่อจอดเปิดประตูข้างทางในเวลากลางคืน
ความสะดวกสะบายภายใน
สำหรับภายในของ Toyota Fortuner ที่ได้รับการตกแต่งจาก GR Sport มาแล้ว ก็เพิ่มความแตกต่างไปได้มากด้วยการเย็บด้ายแดงและตรา GR ในบางจุด
ออพชั่นภายใน
รุ่น
Fortuner
Everest
เบาะไฟฟ้า 6 ทิศ
ไม่มีดันหลัง
มีดันหลัง 2 ทิศ
เบาะแถว 3
พับธรรมดา
พับไฟฟ้า
ปลั๊กไฟ
AC220V
AC230V
Wireless Charger
มี
-
หน้าจอ
9 นิ้ว
8 นิ้ว
ลำโพง
JBL 9 ตำแหน่ง
10 ตำแหน่ง
ระบบนำทาง
-
มี
ระบบสั่งการ
T-Connect
SYNC 3 สั่งการด้วยเสียง
ออพชั่นความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยถือว่าทำออกมาได้สูสี หลังจาก Toyota Fortuner ได้ทำไมเนอร์เชนจ์ก็มีการเพิ่มระบบความปลอดภัยใหม่เข้ามาด้วย
ออพชั่นภายใน
รุ่น
Fortuner
Everest
กล้อง
รอบคัน
หลัง
ระบบช่วยให้รถอยู่ในเลน
มี
มี
ระบบเบรกอัตโนมัติ
มี
พร้อมตรวจจับคน
ระบบเตือนก่อนการชน
มี
มี
ถุงลม
7
7
ระบบตรวจวัดลมยาง
-
มี
ระบบลดความเสี่ยงพลิกคว่ำ
-
มี
Cruise Control
Dynamic Radar
Adaptive
Blind Spot
มี
มี
ระบบตรวจจับรถขณะถอย
มี
มี
ระบบเตือนการขับขี่
-
มี
หากมองดูความปลอดภัย Ford Everest Titanium+ จะมีมากกว่า แต่เสียเปรียบที่ไม่มีกล้องมองรอบคันมาให้ มีแค่ด้านหลังเท่านั้น
เครื่องยนต์
เทียบเครื่องยนต์
รุ่น
Fortuner
Everest
ความจุ
2.8 ลิตร
2.0 ลิตร
ระบบอัดอากาศ
เทอร์โบเดี่ยว
เทอร์โบคู่
แรงม้า
204
215
แรงบิด (นิวตันเมตร)
500
500
เกียร์
อัตโนมัติ 6 สปีด
อัตโนมัติ 10 สปีด
เบรก
หน้า-หลังดิสก์
หน้า-หลังดิสก์
ช่วงล่างหน้า
อิสระปีกนกคู่ คอยสปริง และกันโคลง
อิสระปีกนกคู่ คอยสปริง และกันโคลง
ช่วงล่างหลัง
โฟร์ลิ้งค์ คอยสปริง และกันโคลง
คอยสปริง พร้อมวัตต์ลิ้งค์ และกันโคลง
ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ ได้เปรียบที่เครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่ ที่ให้แรงม้าได้มากกว่า พร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีดที่จะช่วยให้ระบบตัดกำลังไปที่ช่วงเกียร์ในอัตราทดที่เหมาะสมที่สุด ลดแรงกระทำที่มีต่อชุดเกียร์ เพื่อให้เปลี่ยนเกียร์ได้ไวขึ้น ยืดอายุได้นานกว่าปกติ
อ่านเพิ่มเติม เครื่องเทอร์โบคู่ใน Ford Ranger Wildtrak ดีกว่าเทอร์โบเดี่ยวแค่ไหน
โช้ค Monotube ใหม่
แต่ในเรื่องการขับขี่ Toyota Fortuner GR Sport ใหม่ได้รับโช้คแบบ Monotube เข้ามาเสริม ช่วยให้มีการตอบสนองในการขับขี่ที่ดีขึ้น ไม่กระด้าง แต่ต้องไปลองของจริงกันก่อน ว่าจะดีขึ้นแค่ไหน
หรือแค่ Legender ก็คุ้มแล้ว?
ว่ากันตามตรงว่าถ้าคุณไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของช่วงล่าง หรือชุดแต่งที่มาเพิ่มความหล่อ แค่ Toyota Fortuner 2.8 Legender 4WD ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว เพราะว่ามีการเพิ่มระบบระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) มาให้ก็ถือว่าคุ้มค่า
ในราคา 1,839,000 บาท ประหยัดได้ถึง 40,000 บาท เอาไปติมน้ำมันก็ได้หลายถัง หรือถ้าใครอยากประหยัดกว่านี้ รุ่น 2.4 V เกือบล่าง เขาก็ได้เพิ่มกล้องมองรอบคันมาให้แล้ว แถมซื้อตอนนี้ยังได้ชุดแต่งใหม่ Modellista ฟรีอีกด้วยแค่ 1,466,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม Review 2020 Toyota Fortuner Legender ปรับมารอบด้านท้าตี Ford Everest
แต่เดี๋ยวก่อน! Nissan Terra ก็ใหม่นะ
หรือหากใครอยากได้ราคาที่ถูกกว่า พร้อมการปรับโฉมครั้งใหญ่ Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า) ก็เป็นตัวเลือกที่ดี พร้อมเครื่อง 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร
แถมยังได้รับการปรับปรุงภายในมาใหม่ ไม่เหมือนกับกระบะอีกต่อไป พร้อมกล้องมองรอบคันในราคารุ่นท็อป VL 4WD ราคา 1,499,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม ลองขับ 2021 Nissan Terra VL 4x4 เพิ่มของเล่น อัพราคา คุ้มขึ้น ขับเนียน ท้าชนตลาดพีพีวี
หากใครชอบคันไหน แนะนำให้ไปทดลองขับและสัมผัสดูก่อน ว่ามีออพชั่นใดที่คิดว่าจำเป็น รวมถึงการขับขี่ของรถที่ให้ความรู้สึกได้ต่างกัน เพื่อให้ได้รถที่ถูกใจกันนะครับ