All-New 2022 Honda Civic (2022 ฮอนด้า ซีวิค) เจนเนอเรชั่นใหม่เปิดตัวออกทำตลาดเมืองไทยแล้ว อัพเกรดคุณสมบัติทุกมิติ มีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เคาะราคาเริ่มต้น 964,900 บาท
หลังจากเปิดตัวออกทำตลาดสหรัฐอเมริกาไปแล้ว บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทยได้ฤกษ์ส่ง Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 ลุยตลาดเมืองไทยเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย พร้อมประกาศสโลแกนอย่างมั่นใจว่ารถซีดานรุ่นใหม่นี้คือ “การกำหนดโลกใบใหม่ เกินกว่าที่ใครจะตามทัน” ตอกย้ำความเป็นผู้นำที่ดูแล้วยากเย็นเหลือเกินที่ Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) จะไล่ตามได้ทัน
ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นระบุว่า Civic ใหม่ได้รับการอัพเกรดทุกด้าน ทั้งรูปลักษณ์ที่ภูมิฐานแฝงความสปอร์ตและพรีเมียม สมรรถนะที่ทรงพลัง ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่ที่จะยกระดับมาตรฐานในวงการยานยนต์ โดยออกจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นย่อย เราไปชมกันเลยว่ารถคอมแพ็กต์ซีดานรุ่นนี้มีไฮไลท์อะไรบ้าง
ราคา 2022 Honda Civic รุ่นใหม่ |
2022 Honda Civic ใหม่ รุ่น EL |
ราคา 964,900 บาท |
2022 Honda Civic ใหม่ รุ่น EL + |
บาท 1,009,900 บาท |
2022 Honda Civic ใหม่ รุ่น RS |
บาท 1,199,900 บาท |
สำหรับราคาของ Honda Civic รุ่นเดิม มีดังนี้
- รุ่น 1.8 E ราคา 874,000 บาท
- รุ่น 1.8 EL ราคา 964,000 บาท
- รุ่น Turbo ราคา 1,104,000 บาท
- รุ่น Turbo RS ราคา 1,219,000 บาท
รูปลักษณ์ภายนอกสไตล์ “เตี้ย และ กว้าง”
ภายนอกของ Honda Civic ใหม่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Exhilarating Exterior” เน้นความมีชีวิตชีวา โครงสร้างตัวถังถูกจัดวางแบบ “เตี้ย และ กว้าง” หรือ "Low & Wide" มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้ตัวถังกว้างและยาวกว่าเดิม พร้อมกับใช้เทคโนโลยี Roof Braze ในการประกอบตัวถังเพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคา ตัวรถจึงมีเส้นสายที่เฉียบคมและสปอร์ตโดดเด่น
ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟเดย์ไลท์ ไฟตัดหมอกคู่หน้า และไฟท้าย LED แบบ C line เสาอากาศแบบครีบฉลาม ท่อไอเสียแบบคู่ ฝากระโปรงท้ายสามารถเปิดได้ด้วยจังหวะเดียว รวมถึงก้านปัดน้ำฝนดีไซน์ใหม่ที่มีช่องฉีดน้ำอยู่ที่ตัวก้านปัด เพิ่มความแม่นยำในการทำความสะอาดเพื่อทัศนวิสัยที่ชัดเจน
สำหรับรุ่นท็อป RS มาพร้อมกระจังหน้าและกันชนดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าพร้อมไฟเดย์ไลท์ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับเปิดประตูด้านนอกสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ พร้อมตราสัญลักษณ์ RS ปิดท้ายด้วยท่อไอเสียแบบคู่พร้อมปลอกท่อ และล้ออัลลอยแบบสปอร์ตขนาด 17 นิ้ว หุ้มยาง 215/50 R17 (รุ่นกลางและรุ่นล่างใช้ขนาด 16 นิ้ว หุ้มยาง 215/55 R16)
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงเมทัลลิก Ignite Red เฉพาะรุ่น RS พร้อมด้วยสีฟ้าเมทัลลิก Morning Mist Blue เป็นสีใหม่เฉพาะรุ่น EL+ และ EL สีเทาเมทัลลิก Meteoroid สีขาวมุก Platinum สีดำมุก Crystal และสีเงินเมทัลลิก Lunar
ห้องโดยสารเน้นมอบความสดชื่น
Honda ระบุว่าการออกแบบภายในอยู่ภายใต้แนวคิด “Fine Morning” เน้นความรู้สึกสดชื่นของการเริ่มต้นวันใหม่ เบาะนั่งผู้ขับขี่มาพร้อมโครงสร้างเรซิน รองรับสรีระเต็มพื้นที่ตั้งแต่หลังส่วนบน กระดูกเชิงกรานไปถึงต้นขา การตกแต่งสีสันภายในมีทั้งหมด 2 สี คือสีดำและสีเทาเบจ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและสีภายนอก
รุ่นล่าง EL และรุ่นกลาง EL+ ติดตั้งมาตรวัดมาพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว และจอเครื่องเสียงระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบต้องเสียบสาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
ส่วนรุ่นท็อป RS ใช้มาตรวัดพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว บนแดชบอร์ดมีเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri นอกจากนี้ยังมีระบบนำทางเนวิเกเตอร์ที่สั่งการง่ายด้วยนิ้วสัมผัส ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน อุปกรณ์ชาร์จไฟไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่อง และระบบควบคุมประตูอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ล็อกและปลดล็อกได้ด้วยการ์ดใบเล็ก
Civic รุ่น RS ยังมีระบบการเชื่อมต่อ Honda Connect ทำงานผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน โดยมี 8 ฟังก์ชั่นการทำงานหลัก อาทิ My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ Car Log แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งแบบรายวัน รายเดือน หรือรายปี WiFi เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายในรถยนต์ และ Remote Vehicle Control สั่งการทำงานด้วยสมาร์ทโฟรอย่างการเปิดแอร์ ไฟหน้า-ไฟท้าย หรือล็อกประตู
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ตลอดจนระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
ขุมพลังขับเคลื่อนมีเฉพาะรุ่นเทอร์โบ
Honda ทำตลาดเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC Turbo พร้อมกับยกเลิกการจำหน่ายเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.8 ลิตรของรุ่นเดิม และไม่มีรุ่น 2.0 ลิตรเหมือนกับสเปกที่ขายในสหรัฐอเมริกา
ขุมพลังใหม่ใน Civic ใหม่มีพละกำลังสูงสุด 178 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที (รุ่นเดิมมีพละกำลัง 173 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร) ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT มีอัตราบริโภคน้ำมัน 17.2 กม.ต่อลิตร รองรับเชื้อเพลิง E85
Civic ใหม่มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Econ สำหรับการขับขี่แบบประหยัด โหมด Normal สำหรับการใช้งานทั่วไป และโหมด Sport เครื่องยนต์จะตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ตื่นเต้นเร้าใจ
ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม
แพ็คเกจ Honda Sensing ช่วยเหลือผู้ขับขี่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีติดตั้งมาให้ในทุกรุ่นย่อย
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ส่วนระบบใหม่ล่าสุดที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า
นอกจากนี้ Honda Civic ใหม่ในรุ่น RS ยังมี
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
สำหรับระบบความปลอดภัยที่มีในทุกรุ่นย่อย ยังรวมถึง ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เบรกมือไฟฟ้า ระบบ Auto Brake Hold ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลม ปิดท้ายด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก
Civic ใหม่ทุกรุ่นย่อยยังมีระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) และ สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal - ESS)
อุปกรณ์ตกแต่ง Modulo ก็มีให้เลือก
คอรถยนต์ที่ชื่นชอบเสริมสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวสามารถเลือกชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Modulo ที่มีหลายรายการให้เลือก อาทิ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ราคา 10,000 บาท แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต 1,800 บาท คิ้วบันได LED ราคา 5,100 บาท ฝาครอบกระจกมองข้าง ราคา 1,000 บาท คิ้วตกแต่งกระจังหน้า 3,900 บาทเป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแพ็คเกจชุดตกแต่งรอบคันที่มีทั้งหมด 4 แพ็คเกจ ราคาจำหน่ายเริ่มตั้งแต่ 1,950 – 18,500 บาทตามต้องการ