นอกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการผลิตสินค้าทั่วโลก การขาดแคลนชิปเซ็ตหรือชิปเซมิคอนดักเตอร์ได้ตอกย้ำให้ปัญหาการผลิตลุกลามสู่ขั้นวิกฤต
ปัจจุบัน ชิปเซตถูกใช้ในสินค้าอิเลคโทรนิคเกือบทุกประเภท ตั้งแต่คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป เกมคอนโซล ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน การล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดทำให้ผู้บริโภคที่ต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้านได้หันไปซื้อสินค้าเหล่านี้มากขึ้น ในทางกลับกัน โรงงานผลิตชิปเซ็ตของหลายบริษัทต้องระงับสายการผลิตในบางช่วงเพื่อสะกัดกั้นไวรัสสายพันธุ์ใหม่
ทั้งหมดทั้งปวงทำให้ชิปเซมิคอนดักเตอร์เกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนัก และหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมากคืออุตสาหกรรมยานยนต์ หลายค่ายรถต้องระงับสายการผลิตชั่วคราวเนื่องจากไม่มีเจ้าชิ้นส่วนเล็ก ๆ อย่างชิปเซ็ตมาใส่ในรถยนต์ของตนเอง บางค่ายต้องเดินหน้าผลิตต่อไปโดยไม่มีชิปดังกล่าว
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
โรงงานผลิตรถยนต์ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง
รถยนต์ยุคใหม่ทุกคันพึ่งพาชิปเซ็ตในการเป็น “หัวใจ” สำหรับการควบคุมสั่งการรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นในระบบการจัดการเครื่องยนต์ ระบบอินโฟเทนเมนท์ และฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
วิกฤตการขาดแคลนชิ้นส่วนดังกล่าวทำให้หลายบริษัทต้องระงับการผลิต อาทิ Ford (ฟอร์ด) General Motors (เจนเนอรัล มอเตอร์ส) Subaru (ซูบารุ) Toyota (โตโยต้า) Suzuki (ซูซูกิ) Mazda (มาสด้า) และ Nissan (นิสสัน) การหยุดผลิตกินเวลายาวนานแตกต่างกันไปตามความสามารถในการจัดซื้อชิปเซ็ต
ขณะที่เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานผลิตชิป Renesas ในประเทศญี่ปุ่นได้ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก จนบริษัทวิจัยตลาด HIS Markit คาดการณ์ว่าการขาดแคลนชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคครั้งนี้จะส่งผลต่อการผลิตรถยนต์นั่งถึง 1.3 ล้านคันในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และคาดว่าวิกฤตจะกินเวลายาวนานไปจนถึงปลายปี
ถึงแม้ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงที่ไวรัสแพร่ระบาดหนักหน่วงเมื่อกลางปีที่แล้ว แต่ก็มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัวกลับคืนมาทีละน้อยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปัญหาขาดแคลนชิปเซ็ตทำให้การฟื้นฟูธุรกิจของบริษัทรถยนต์เป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าเดิม และทำให้ต้องสูญเสียรายได้ไปอย่างไม่จำเป็น
แล้วปัญหาชิปเซ็ตจะส่งผลต่อผู้ใช้รถยนต์หรือไม่?
อุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนชิปเซ็ตก็จริงอยู่ แต่ยังไม่เท่ากับอุตสาหกรรมสินค้าอิเลคโทรนิคอย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่มีการใช้ชิปเซ็ตจำนวนมหาศาลและถูกผลกระทบสะเทือนหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าจนทำให้หลายแบรนด์ต้องเลื่อนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำคัญออกไปก่อน
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการขาดแคลนชิปเซ็ทอาจเป็นปัญหาต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า และเวลานี้บรรดาบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเลคโทรนิคต้องต่อคิวรอรับชิปเซ็ทจากซัพพลายเออร์ที่มีรายงานว่าได้ปรับขึ้นราคามาแล้วถึง 2 ครั้ง
ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ราคาสินค้าอิเลคโทรนิคจะปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย และต้องจับตามองกันต่อไปว่าราคาจำหน่ายรถยนต์จะขยับสูงขึ้นด้วยหรือไม่
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });