ตลาดรถยนต์นั่งระดับซี-เซกเมนต์ในประเทศไทยนั้น เติบโตมาด้วยรถรูปแบบตัวถังซีดานอย่างเดียวมาโดยตลอด จนกระทั่งมีผู้บุกเบิกอย่างมาสด้า 3 (Mazda 3) ที่มีรูปแบบตัวถังแฮชท์แบ็คให้เลือก และในที่สุด ฮอนด้า ซีวิค (Honda Civic) ก็มีตัวถังรูปแบบเดียวกันให้เลือกในโมเดลล่าสุดที่ผ่านมา
All-New 2020 Mazda 3 Hatchback ก็ยังมีตัวถังดังกล่าวให้เลือกอยู่ ด้วยออพชั่นที่หลากลาย มีรุ่นย่อยให้เลือก แต่ไฮไลท์อยู่ที่รุ่นท็อปที่มาพร้อมรูปร่างหตาที่สวยคม การออกแบบห้องโดยสารที่พรีเมียมสุด ๆ และระบบขับเคลื่อนสกายแอคทีฟอันลือชื่อ
ขณะที่ New 2020 Honda Civic Hatchback ทำการปรับโฉมเพิ่มความโฉบเฉี่ยวหลายรายการ พร้อมด้วยสีเทาใหม่ซึ่งใกล้เคียงกับสีขายของคู่แข่งมาก ๆ มาพร้อมเครื่องยนต์สมรรถนะสูงและราคาจำหน่ายที่สูงโด่งเช่นเคย เรียกว่าเป็นตัวท็อปของตัวท็อปเหมือนเดิม
แม้มาสด้าจะเป็นรุ่นใหม่กว่าและมาพร้อมด้วยเทคโนโลยียุคใหม่หมดจด แต่เมื่อคู่แข่งคือฮอนด้า ที่มีจุดขายของรถมากมายหลายสิ่ง เครื่องยนต์อันยอดเยี่ยม ห้องโดยสารที่โดดเด่นและที่สำคัญคือภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งมาก งานของมาสด้าจึงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
มาสด้า 3 แฮชท์แบ็คและฮอนด้า ซีวิค แฮชท์แบ็ค คือมวยเปรียบที่ถูกคู่ ถูกที่ ถูกเวลาที่สุด ที่แน่นอนว่าจะทำให้ลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อรถยนต์นั่งขนาดกลางแบบตัวถัง 5 ประตู ต้องออกอาการรักพี่เสียดายน้องอย่างบอกไม่ถูกแน่นอน
ภายนอกสวยงามคนละแบบ เลือกโค้งมนหรือบึกบึน
การออกแบบห้องโดยสารภายนอกของฮอนด้า ซีวิคนั้น เคยมีคนเปรียบเทียบว่าเหมือนรถจะแปลงร่างออกมาเป็นหุ่นยนต์ได้ ด้วยรูปร่างของตัวรถที่มีความแข็งแกร่ง บึกบึน ลายเส้นทีมีความคมชัดรอบคัน และอุปกรณ์ตกแต่งมากมายที่สามารถใช้งานได้จริงบนท้องถนน
โคโดะ ดีไซน์ ของมาสด้า ถูกนำมาใช้กับรถรุ่นใหม่อย่างมาสด้า 3 ด้วยการปรับรูปแบบการออกแบบของรถให้มีความโค้งในสวยงาม เน้นการตกกระทบของแสงบนตัวถัง ที่ทำให้เกิดความพริ้วไหวของตัวรถ ประหนึ่งรถยนต์กำลังเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา
กระจังหน้าใหญ่ ด้านท้ายกระทัดรัด ไฟหน้า-ท้ายแนวยาวแต่แคบ เป็นระบบแอลอีดีทั้งหมด ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สปอยเลอร์หลัง มาพร้อมปลายท่อโครเมียมคู่ ทำให้ตัวถังภายนอกของมาสด้านั้นดูโดดเด่น โดยเฉพาะสีเทาซึ่งเป็นสีขายนั้น ให้ความรู้สึกสุขุมนุ่มลึก
ฮอนด้าเลือกใช้สีเทาในรุ่นใหม่ล่าสุดเช่นกัน แต่เป็นสีเทาที่ดูสว่างกว่า ตัดกับการตกแต่งสีดำ ท่อไอเสียคู่วางกลางลำตัวรถคือยอดปรารถนาของแฟนคลับมาโดยตลอด ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ระบบไฟรอบคันเป็นแอลอีดี พร้อมชุดแต่งมากมายที่ขับให้รถคันนี้ดูสปอร์ตขึ้นและโดดเด่นขึ้นบนท้องถนน
แน่นอนล่ะว่าความสวยงามมันเป็นเรื่องของแต่ละคนที่มองอยู่ แต่หากต้องการนำรถ 2 คันนี้ไปแต่งต่อ รู้สึกว่าซีวิคนั้นจะสามารถต่อยอดไปทำรถให้มีความดุดันมากขึ้นได้ง่ายกว่า แต่ความใหม่และดีไซน์ที่แสนเนี๊ยบของมาสด้า ก็ไม่ใช่อะไรที่จะมองข้ามไปได้เช่นเดียวกัน
ห้องโดยสารแบบพรีเมียมปะทะความสปอร์ต
ฮอนด้า ซีวิค มีห้องโดยสารทรงโปร่งที่เน้นความสบายในการนั่งโดยสาร และตกแต่งภายในแบบสปอร์ตเต็มพิกัด ด้วยห้องโดยสารโทนสีดำ เบาะนั่งหุ้มหนังเดินด้วยด้ายสีแดง แป้นคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต เพิ่มอารมณ์ในการขับขี่เต็มพิกัด
พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านหลัง มาพร้อมวัสดุตกแต่งในห้องโดยสารสีเปียโนแบล็ก ชุดมาตรวัดและจอแสดงผลแบบทีเอฟทีสีแดง การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ใช้งานง่าย อยู่ในระยะเอื้อมมือของผู้ขับขี่ทั้งสิ้น
ขณะที่มาสด้าทำการปรับห้องโดยสารจากรุ่นเดิมเล็กน้อย เน้นการใช้งานที่สะดวกขึ้น ตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ดูสวยงามลงตัว ยังโดดเด่นด้วยการเลือกใช้วัสดุในห้องโดยสารระดับพรีเมียมที่สุดในคลาส จับตรงไหนก็ให้สัมผัสนุ่มมือไปตลอดทั่วทั้งคันรถ
ห้องโดยสารโทรสีดำตัดด้วยวัสดุสีเงินโครเมียม พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแพดเดิลชิฟท์ มาตรวัดกึ่งดิจิตอล ผสานกันระหว่างมาตรวัดรอบแบบเข็มและจอแสดงผลแบบทีเอฟที พร้อมระบบแสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้า ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์สำหรับรุ่นท็อป
จริง ๆ แล้วห้องโดยสารภายในของรถ 2 รุ่นนี้ถือว่ามีความโดดเด่นกันทั้งคู่ แถมยังดีกันไปคนละแบบ ถ้าต้องการความหรูหรา พรีเมียม มาสด้า 3 ทำได้ดีกว่า แต่หากต้องการความสปอร์ตแบบทะลุจุด ฮอนด้า ซีวิคก็ตอบสนองความบรื๊นบรื๊นในใจได้มากกว่าเช่นกัน
เครื่องยนต์และระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ที่ดีงาม
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่ติดตั้งในฮอนด้า ซีวิค แฮชท์แบ็ค ทำงานกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติซีวีที น่าจะยังเป็นเครื่องยนต์ที่ให้การตอบสนองที่ดีที่สุดในเซกเมนต์นี้ ซึ่งก็สอดคล้องกับตัวเลขสเปกที่มีให้มา
เจ้าของรหัส L15B7 เครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ม ขนาด 1.5 ลิตร ที่เสริมกำลังด้วยเทอร์โบ มาพร้อมกำลังสูงสุด 173 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที รองรับเชื้อเพลิงสูงสุดแค่แก๊สโซฮอล์ อี20
มาพร้อมระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่มากมาย และโดดเด่นด้วยฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ที่ช่วยให้การขับขี่ง่ายดายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง กล้องแสดงภาพมุมอับสายตาและกล้องช่วยถอยหลัง พร้อมสำหรับการใช้งาน
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี ขนาด 2.0 ลิตร ถูกปรับเปลี่ยนรายละเอียดชิ้นส่วนใหม่และนำกลับมาติดตั้งอีกครั้งในมาสด้า 3 ใหม่ พร้อมทั้งเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 จังหวะ เพื่อเป็นหัวใจในการขับเคลื่อน โดยสามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึงแก๊สโซฮอล์ อี85
เมื่อทำการปรับปรุงมาใหม่แล้ว มาสด้า 3 ใหม่ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ซึ่งหากดูตัวเลขแล้ว จะพบว่าเป็นรองฮอนด้าทั้งแรงม้าและแรงบิด รวมถึงจุดพีคที่รอบที่สูงกว่าด้วย
นอกเหนือจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟอันเลื่องชื่อ มาสด้าทำการติดตั้งระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้งมาให้ พร้อมระบบต่าง ๆ เช่น ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตา ระบบเตือนการชนและช่วยเบรก และเพิ่มความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
แม้ฮอนด้าจะได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมบนถนน แต่หากเปรียบเทียบองค์ประกอบอื่น ๆ ในภาพรวมเข้าไปด้วย ก็จะพบว่ามาสด้า 3 นั้นทำการบ้านมาอย่างดี และนำเสนอของเล่นที่ไม่แพ้ฮอนด้าเหมือนกันในคลาสนี้
ตารางเปรียบเทียบข้อมูลเชิงเทคนิค |
|
ฮอนด้า ซีวิค แฮชท์แบ็ค อาร์เอส |
มาสด้า 3 ฟาสต์แบ็ค เอสพี |
ราคาจำหน่าย (ล้านบาท) |
1.229 |
1.198 |
กว้าง (มิลลิเมตร) |
1,799 |
1,797 |
ยาว (มิลลิเมตร) |
4,501 |
4,459 |
สูง (มิลลิเมตร) |
1,421 |
1,440 |
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) |
2,697 |
2,725 |
เครื่องยนต์ |
L15B7 |
Skyactiv-G |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี.) |
1,496 Turbo |
1,998 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) |
173/5,500 |
165/6,000 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) |
220/1,700-5,500 |
213/4,800 |
ระบบส่งกำลัง |
อัตโนมัติซีวีที |
อัตโนมัติ 6 จังหวะ |
รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง |
E20 |
E85 |
ทางหนึ่งสปอร์ต ทางหนึ่งหรูหรา ต้องเลือกเอา
ในมุมของการยึดมั่นกับการเป็นรถสปอร์ตซีดานที่มาทั้งรูปลักษณ์ การขับเคลื่อนและความรู้สึกในยาขับขี่ เครื่องยนต์เทอร์โบของฮอนด้า ซีวิค แฮชท์แบ็คนั้น ให้ความรู้สึกที่สอดคล้อง เป็นหนึ่งเดียว เร่งเร้าอะดรีนาลีนในการขับขี่มากกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่มาสด้า 3 แฮชท์แบ็ค มาพร้อมความหรูหรา การตกแต่งแบบพรีเมียม ช่วงล่างที่แข็งขันไว้ใจได้ และห้องโดยสารภายในที่เงียบสงบ เครื่องเสียงไพเราะ ใหม่กว่าในราคาที่น่าคบหา ซึ่งแน่นอนว่าผู้บริโภคหลายคนก็ย่อมเทใจไปหาพวกเขาอย่างแน่นอน
อย่างที่บอกแต่แรก รถ 2 คันนี้ จะทำให้คนที่อยากซื้อรถยนต์แฮชท์แบ็คขนาดกลางทุกคนต้องปวดหัวแน่นอน เพราะความดีงามของมันทั้งคู่ ที่เลือกคันไหนไปก็จะเกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง ท้ายที่สุด ก็คงต้องตัดใจเลือกเอาสักคัน แล้วเก็บอีกคันไว้ในฝันล่ะนะ