Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) ถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดรุ่นหนึ่งของแบรนด์ฮอนด้า ด้วยการสร้างยอดจำหน่ายระดับปรากฏการณ์ในหลายพื้นที่ที่ทำตลาดอยู่ และมาพร้อมนวัตกรรมที่หลากหลายในรถยนต์นั่งระดับกลางของค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น
ในประเทศไทยเอง แม้จะมีอายุอานามในการทำตลาดมาอย่างยาวนาน และกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของการปรับโฉม ยอดจำหน่ายของรถคันนี้ก็ไม่ได้แผ่วลงไป แต่กลับทำส่วนแบ่งตลาดในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ได้สูงกว่า 60% แบบคู่แข่งทำได้แค่มองตาปริบ ๆ
เพราะชื่อชั้นของคู่แข่งของซีวิคในประเทศไทยนั้น ประกอบไปด้วย Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) ที่ยืนหนึ่งในตลาดรถยนต์เมืองไทยมานานแสนนาน รวมไปถึง Mazda 3 (มาสด้า 3) เจ้าพ่อเทคโนโลยีที่มีทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมียอดจำหน่ายที่ดีเพียงใด ฮอนด้าก็ไม่ได้อยู่เฉยหรือนิ่งนอนใจ กลับเร่งเครื่องในการเปิดตัว 2022 Honda Civic รุ่นใหม่ในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว เพื่อต่อยอดการทำตลาดให้กับผู้บริโภคที่สนใจจะจับจองเป็นเจ้าของให้ไม่ต้องรอกันนานนัก
AutoFun Thailand พาชมคันจริงรุ่นท็อปของฮอนด้า ซีวิค ใหม่ อย่างรุ่น RS ว่ามีความน่าสนใจขนาดไหน และเชื่อเถอะว่าฮอนด้าเองพร้อมที่จะเดินหน้าส่งมอบรถยนต์รุ่นใหม่ของพวกเขา เพื่อรักษาการเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางในประเทศไทยต่อไป
การออกแบบภายนอกที่เรียบง่าย แต่สะดุดสายตา
ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 11 ของรถรุ่นนี้ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Exhilarating Civic เน้นที่คนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ได้ประสบการณ์ในการขับขี่และความสะดวกสบายในห้องโดยสาร โดยที่คงความสปอร์ตพรีเมียมอยู่ในทุกมุมมองของตัวรถ
ในรุ่น RS มาพร้อมชุดแต่งดีไซน์พิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า ระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวัน พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า มาพร้อมไฟท้ายแบบแอลอีดี เพิ่มความปลอดภัยเมื่อขับขี่
ตกแต่งด้วยชุดแต่งสีดำรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นกระจกมองข้าง มือจับประตูภายนอก เสาอากาศแบบครีบฉลาม สปอยเลอร์หลัง พร้อมด้วยสัญลักษณ์ RS ที่ด้านท้ายรถ ปลายท่อไอเสียแบบคู่ พร้อมปลอกท่อไอเสีย และมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดูโฉบเฉี่ยวลงตัว
การออกแบบหลักจะใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว จัดวางโครงสร้างแบบ Low&Wide ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทําให้ตัวรถดูกว้างและยาวขึ้นกว่าเดิม เน้นความโปร่งโล่งและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่
ใช้เทคโนโลยี Roof Braze ในการประกอบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคา เพิ่มความสวยงามของเส้นหลังคามากขึ้น พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมายที่ติดตั้งมาเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวรถตลอดทั้งคัน พร้อมรูปลักษณ์แบบสปอร์ตซีดานที่โดดเด่นกว่าใคร
ห้องโดยสารภายในที่เน้นความสดชื่นเมื่อใช้งาน
ฮอนด้าระบุว่าแนวคิดในการออกแบบห้องโดยสารของฮอนด้า ซีวิคใหม่ ก็คือแนวคิด Fine Morning เน้นการสร้างความรู้สึกที่สดชื่นยามเช้า มอบความสะดวกสบายเมื่อเข้ามาในห้องโดยสาร โดยเน้นที่การออกแบบที่เรียบง่าย แต่เน้นการเล่นเส้นสายที่สวยงาม
เลือกใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมในการสัมผัส คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ มีการจัดวางเลย์เอาท์และฟังชั่นส์การใช้งานให้ตอบสนองได้ดีขึ้น มาพร้อมเบาะที่นั่งที่ได้รับการปรับแต่งมาใหม่ให้รองรับสรีระผู้โดยสารเป็นอย่างดี เพื่อความสบายในการใช้งานสูงสุด
ฮอนด้ายังเลือกใช้สวิทช์และปุ่มแบบเดิม ๆ เข้ามาเพื่อให้สามารถใช้งานรถคันนี้ได้อย่างลงตัว และเพิ่มความโดดเด่นด้วยแผงรังผึ้งที่บังสายตาช่องแอร์พาดยาวเต็มคอนโซลหน้า ตกแต่งภายในด้วยเมทัลลิกที่ดูหรูหรากว่าสีดำมันที่เคยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
ในรุ่นท็อปอย่างอาร์เอสนั้น มีอุปกรณ์ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Honda Smart Key Card ที่ช่วยให้ล็อกและปลดล็อกรถได้ด้วยการพกการ์ดไว้กับตัว ภายในห้องโดยสารโอ่อ่าด้วยมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบทีเอฟทีขนาด 10.2 นิ้ว
ระบบเครื่องเสียงในรุ่นท็อปมาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์แบบไร้สาย ติดตั้งระบบนำทางมาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมที่ชาร์จไฟแบบไร้สาย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา และช่องเชื่อมต่อยูเอสบี 4 ช่อง
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังติดตั้งระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ พร้อมด้วยพวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์ พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและโทรศัพท์มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น แต่ถ้าคิดว่าอยากได้ความครบครัน ในรุ่นอาร์เอสยังมีอีกระบบแถมมาให้
นั่นก็คือ Honda Connect เทคโนโลยีการเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เพื่อสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์ โดยมีเพิ่มมาให้อีก 8 ฟังชั่นส์ในการใช้งาน โดยจะเน้นไปที่การสื่อสารกับตัวรถ การควบคุมการปลดล็อก รวมถึงจ่ายเงินเพื่อใช้ไว-ไฟในรถยนต์ได้เพิ่ม
เครื่องยนต์ที่แรงขึ้น 5 แรงม้า พร้อมโหมดสปอร์ต
แม้จะยังเลือกใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบเหมือนรุ่นที่ผ่านมา ทำให้โดนวิจารณ์กันบ้างถึงสมรรถนะของรถจากหลายสื่อในต่างประเทศ แต่ฮอนด้าก็ระบุว่า เครื่องยนต์ที่ติดตั้งในฮอนด้า ซีวิค รุ่นนี้คือ 'การขับเคลื่อนที่ไม่ใช่แค่ความแรง แต่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง'
ทุกรุ่นย่อยจะมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มีการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว
เครื่องยนต์รุ่นนี้ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที (รุ่นเดิม 173 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที) พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที (รุ่นเดิม 220 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที) ดูจากตัวเลขถือว่าสมรรถนะดีขึ้นพอตัว
การส่งกำลังยังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องซีวีที รองรับการใช้งานพลังงานทางเลือกได้สูงสุดถึงอี85 โดยฮอนด้าระบุว่านอกจากการตอบสนองต่อการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ซีวิคใหม่ยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีถึง 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร
ในรุ่นอาร์เอสจะมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่สามารถเร่งการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อให้ได้การตอบสนองที่ดีมากขึ้น ทำให้อาร์เอสมีโหมดการขับขี่ถึง 3 แบบให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ที่เหลือก็คือโหมดการขับขี่ปกติและโหมดประหยัดนั่นเอง
Honda SENSING ทุกรุ่นย่อย อัดความปลอดภัยเพิ่มเติม
ครั้งแรกของฮอนด้ากับการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยฮอนด้า เซนส์ซิ่งมาให้ในทุกรุ่นย่อย การทำงานของกล้องมุมกว้างที่ติดตั้งด้านหน้าของตัวรถ เพื่อช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีฟังชั่นส์การทำงานที่น่าสนใจประกอบด้วย
ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรก แจ้งผ่านหน้าจอแสดงผล สัญญานเสียงและการสั่นที่พวงมาลัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ พร้อมเบรกตามรถคันหน้าได้อัตโนมัติ
มาพร้อมระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน พร้อมระบบเตือนและช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลนด้วยการหน่วงพวงมาลัย ติดตั้งระบบปรับไฟหน้าสูงแบบอัตโนมัติ และใหม่ล่าสุดกับระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ เพื่อให้ผู้ขับขี่ออกรถตามรถคันหน้าไป
นอกจากนี้ ในรุ่นอาร์เอสยังมาพร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารทุกตำแหน่ง นอกจากนี้ ก็มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งติดตั้งมาในทุกรุ่นย่อย
ฮอนด้าติดตั้งอุปกรณ์มากมายให้รถคันนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้า กล้องมองภาพหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติ พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่แบบพื้นฐานครบครันในทุกรุ่นย่อย