2021 Mercedes-Benz S-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส) เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่ผ่านมา ด้วยทางเลือก 2 รุ่นย่อย ไฮไลท์อยู่ที่รุ่นท็อปอย่าง S 350 d AMG Premium ที่มาพร้อมค่าตัว 7.19 ล้านบาท แต่มาพร้อมออพชั่นที่เหนือชั้น
ที่สุดแห่งยนตรกรรมที่พร้อมมอบประสบการณ์ความหรูหราและความปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ มอบความสะดวกสบายในการขับขี่ ปกป้องผู้โดยสารในทุกที่นั่ง ตลอดจนการมอบประสบการณ์การใช้งานแบบอินเทอร์แอคทีฟ
หลายคนอาจเคยได้ยินถึงความยอดเยี่ยมของระบบหน้าจอ MBUX รุ่นใหม่ ระบบความปลอดภัยที่รวมไปถึงถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง AutoFun Thailand จะพาไปดูว่ารถที่แพงกว่ารุ่นเดิม 2 แสนบาท และใช้งานเครื่องยนต์เดิม นั้นน่าสนใจขนาดไหน
การออกแบบภายนอกขนาดใหญ่ โอ่อ่า สวยงาม
การออกแบบรถยนต์ซาลูนขนาดใหญ่ให้มีมิติตัวถังที่กว้างขึ้น ยาวขึ้นและสูงขึ้นจากเดิม โดยมีไฮไลท์ที่ระยะฐานล้อที่ยาวกว่ารุ่นเดิมถึง 51 มิลลิเมตร เพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารให้หรูหราโอ่อ่า ขนาดที่สามารถติดตั้งเบาะพร้อมที่วางขาปรับเอนนอนได้มาที่ด้านหลัง
การออกแบบภายนอกนั้นดูเรียบหรูเป็นพื้นฐานของการออกแบบรถด้วยแนวคิด Sensual Purity ทำให้ได้รถที่ดูไม่แก่แต่เน้นความโมเดิร์นเป็นพิเศษ ชุดโคมไฟหน้าแบบมัลติบีม แอลอีดี มีระยะการส่องสว่างเท่าเดิม แต่ทำงานไว้ขึ้นด้วยชุดเซนเซอร์และโซนาร์รอบคัน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ทำการติดตั้งเซนเซอร์ 12 ตำแหน่ง โซนาร์ 12 จุด พร้อมกล้องที่ติดตั้งที่กระจกบังลมหน้า สำหรับการควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในรถ ทำให้การตอบสนองของระบบช่วยเหลือต่าง ๆ รวมถึงระบบไฟหน้าอัจฉริยะทำงานได้อย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ
ล้ออัลลอยลายที่เราคุ้นตากันดีจากเอเอ็มจีขนาด 20 นิ้ว มีการออกแบบเส้นโค้งของหลังคาให้มีการกดด้วยองศาที่ต่ำลง ทำให้ภาพรวมของรถดูมีความสปอร์ต แม้จะมีการเพิ่มขนาดของความสูงก็ตาม ไฟท้ายที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ปรับการใช้งานได้อย่างลงตัว
จุดขายของการออกแบบห้องโดยสารภายนอกก็คือมือจับประตูแบบไร้รอยต่อ ซ่อนตัวเองเอาไว้ที่บานประตู และจะเปิดออกมาเมื่อมีการสัมผัสที่มือจับ บานประตูแบบดูดทำให้ไม่ต้องใช้แรงมากนักในการปิดรถ และแน่นอนว่ากุญแจรีโมทออกแบบมาหรูหราขึ้น
ห้องโดยสารภายในเพียบพร้อมและเปี่ยมด้วยรายละเอียด
การออกแบบภายในห้องโดยสารเน้นความหรูหราอย่างเต็มพิกัด พร้อมใส่เทคโนโลยีรุ่นใหม่มาอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นที่มอบทั้งความหรูหรา คุณภาพระดับสูง และวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีที่สุด และการควบคุมระบบต่าง ๆ ได้จากที่ต่าง ๆ ในรถ
เจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์คันอื่นสามารถดาวน์โหลดการเซพอัพมาใส่ไว้ในรถคันนี้ได้ผ่านระบบแอพพลิเคชั่น ห้องโดยสารแบบหรูหรา มาพร้อมหลังคาพาโนรามิคซันรูฟแบบ 2 ตอน และหน้าจอรอบคัน 5 หน้าจอ ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ถึงกันทั้งหมด
ระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 เฉดสี ที่ใช้งานได้มากกว่าความสวยงาม ด้วยการใช้เป็นไฟเตือนวัสดุด้านข้างเมื่อต้องการเปิดประตู ระบบเครื่องเสียงจากลำโพง Burmester® 3D ที่ลดจำนวนลำโพงลงเหลือ 15 ตัว แต่ให้คุณภาพเสียงดีเหมือนเดิม
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Nappa leather และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ความละเอียดสูงแบบ Digital Instrument clusters ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย เชื่อมต่อกันได้อย่างเสรี
มาพร้อมระบบ Gesture Control ที่ด้านหน้าของห้องโดยสาร ทำงานด้วยการใช้กล้องจับภาพผู้โดยสารและผู้ขับขี่ ควบคุมการออกคำสั่งผ่านท่าทาง ทั้งปรับกระจกมองข้าง เปิด-ปิดซันรูฟ หรือแม้แต่การควบคุมด้านความปลอดภัยหลายฟังชั่นส์ก็ใช้ระบบนี้
คอนโซลส่วนกลางมาพร้อมหน้าจอ MBUX7 แบบทัชสกรีนขนาด 12.8 นิ้ว ซึ่งใช้หน้าจอแบบ OLED เพื่อลดการสะท้อนของแสง ขณะที่การควบคุมเป็นคอมพิวเตอร์แบบควอตคอร์ ที่มาพร้อมฮาร์ดดิกส์แบบ SSD ขนาด 320GB เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุดในรถหรู
ระบบจดจำโปรไฟล์ผู้ขับขี่ด้วยการสแกนลายนิ้วมือ เก็บข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนได้มากถึง 7 คน คนละ 3 ลายนิ้วมือ เบาะที่นั่งตอนหลังแบบมัลติคอนทัวร์ มาพร้อมเบาะที่พับเอนได้พร้อมที่วางขา และฟังก์ชันการนวด 6 รูปแบบพร้อมประคบร้อน-เย็นได้
การควบคุมฟังชั่นส์ต่าง ๆ ด้านหลัง จะทำได้ผ่าน Rear Tablet หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ควบคุมความบันเทิงบนหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว 2 หน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และยังสามารถควบคุมหน้าจออื่น ๆ ภายในรถทั้งหมดได้ผ่านแทบเล็ตอันนี้ด้วยเช่นกัน
ภายในรถได้ออกแบบเพื่อคำนึงการใช้งานจริง เช่น ระบบปรับเบาะที่นั่งกลับสู่ตำแหน่งการนั่งอย่างรวดเร็วด้วยปุ่มเดียว หรือการติดตั้งไวร์เลสชาร์จเจอร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของห้องโดยสาร เรียกว่าเป็นความสะดวกสบายที่เหนือชั้นแบบเคลื่อนที่นั่นเอง
เครื่องยนต์และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
เอส-คลาสใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบเรียง ขนาด 2,925 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นเดิมที่ทำตลาดอยู่ โดยเป็นผลมาจากความเคร่งเครียดเรื่องมาตรฐานเครื่องยนต์ในยุโรป และสมรรถนะของเครื่องยนต์ก็ไม่ได้ขี้เหร่
เครื่องยนต์ดีเซลที่ทำตลาดมาแล้ว 1 รุ่น ให้สมรรถนะที่ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเดิม แม้รถจะมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ตาม เป็นผลมาจากการลดน้ำหนักของรุ่นใหม่ ทั้งการเลือกใช้ชิ้นส่วนอลูมิเนียมเพิ่มขึ้น หรือการลดขนาดของกล่องควบคุมทำให้น้ำหนักเปลี่ยนไปไม่มาก
สมรรถนะของรถนั้นยอดเยี่ยมด้วยพละกำลังสูงสุด 286 แรงม้าที่ 3,400-4,600 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตรที่ 1,200-3,200 รอบต่อนาที สามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างดุเดือดได้ในเวลาเพียง 6.4 วินาทีเท่านั้น
การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ซึ่งให้การตอบสนองต่อการขับขี่ในภาพรวมที่ยอดเยี่ยม แม้จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ แต่ก็ล็อกความเร็วสูงสุดในการขับขี่เอาไว้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ล้ำหน้า ไม่ว่าจะเป็นการให้ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในโลกนี้ มาพร้อมระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ พร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทางแบบ 360 องศาที่สมจริงมากขึ้น
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® PLUS ที่ดีขึ้น มาพร้อมระบบ ATTENTION ASSIST รุ่นใหม่ ที่ช่วยตรวจจับความผิดปกติของผู้ขับขี่และส่งสัญญาณเตือนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการเลือกใช้เกสเจอร์คอนโทรลควบคุมแทนการดูอาการของรถอย่างเดียว
ระบบความปลอดภัยที่รวมอยู่ใน Driving Assistance Package เจนเนอเรชันล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น Evasive Steering Assist ที่ช่วยดึงให้รถยนต์กลับมาอยู่ในเลน Active Emergency Stop Assist ระบบการหยุดรถฉุกเฉิน และ Exit Warning ระบบเตือนก่อนออกจากตัวรถ
พร้อมส่งมอบอย่างแน่นอนในไตรมาส 3 นี้
สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ทั้ง 2 รุ่นที่เปิดรับจองในครั้งนี้ เป็นเวอร์ชั่นประกอบในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมพร้อมที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศในช่วงต้นไตรมาส 3 ที่จะถึงนี้ พร้อมด้วยการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่าง
ผู้บริหารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย บอกว่า เอส-คลาส ถือว่าเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ทั้งยังเป็นรถยนต์หรูที่ขายดีที่สุดทั้งในตลาดโลกและในตลาดไทย และเชื่อว่าทุกคนจะพบกับรถยนต์ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นที่สุด
โดยเฉพาะประสบการณ์การเชื่อมต่อบนรถยนต์ผ่านอินเทอร์เน็ตไร้สาย ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ จับมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยโดยเฉพาะ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ น่าสนใจเสียจริง ๆ