แม้จะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก Nissan (นิสสัน) ว่าพวกเขามีแผนการที่จะทำอย่างไรกับรถยนต์แฮชท์แบ็คในโครงการอีโคคาร์ Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) ที่รุ่นปัจจุบันมีการทำตลาดมาอย่างยาวนานในประเทศไทย

เพราะตัวรถเองก็ถือว่าทำตลาดมาอย่างยาวนานใช้ได้ แต่ก็ยังสามารถรักษาระดับการขายที่เดือนละราว ๆ 150-200 คัน ด้วยจุดขายหลักก็คือขนาดของห้องโดยสารที่ใหญ่โตเอาเรื่อง ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายได้ใจผู้บริโภคบางกลุ่ม

อย่างไรก็ตาม เมื่อนิสสันเองเปิดตัวรถรุ่นนี้รุ่นใหม่ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงก่อนหน้านี้ หลาย ๆ คนก็เรียกร้องให้นิสสันนำเข้ามาทำตลาด เพราะรุ่นใหม่ของโน๊ตมาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ ที่มีความสวยงามและสดใสมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม

ปัญหาก็คือโน๊ตรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นนั้น มาพร้อมกับทางเลือกเครื่องยนต์ใหม่อย่างเครื่องยนต์ e-Power (อี-พาวเวอร์) ที่ขายดีมากในญี่ปุ่น และก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถปรับมาใช้เครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบเพื่อเข้าโครงการอีโคคาร์ต่อได้ไหม

วันนี้ นิสสัน ญี่ปุ่นได้ส่งเวอร์ชั่นพิเศษอย่าง Nissan Note Aura (นิสสัน โน๊ต ออร่า) ออกมาพร้อมตัวถังแบบตกแต่งพิเศษ และทางเลือกสีภายนอกแบบทูโทน ซึ่งทำให้รถคันนี้น่าใช้ไปอีก จนเราอยากบอกนิสสันว่า เอาเข้ามาทำตลาดเถอะ

ราคาจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น

นิสสัน โน๊ต ออร่า ในประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมทางเลือกของเครื่องยนต์ 2 รูปแบบ ประกอบไปด้วย ระบบไฮบริดแบบมอเตอร์เดี่ยวที่้ล้อหน้า พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า มีรุ่นย่อยให้เลือก 2 รุ่นในเวอร์ชั่นธรรมดาและ G Leather Edition

ขณะที่รุ่นท็อปจะมาพร้อมระบบมอเตอร์คู่ ที่แยกการส่งกำลังไปที่ล้อคู่หน้าและหลังในระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยตัวท็อปนั้นมาพร้อมสมรรถนะระดับ 134 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าเอาเรื่องในรถกลุ่มนี้

สนนราคาค่าตัวของนิสสัน โน๊ต ออร่า ในตลาดญี่ปุ่นนั้น จะอยู่ที่ 2,610,300 - 2,957,900 เยน (ประมาณ 7.39-8.38 แสนบาท) ซึ่งเป็นราคาจำหน่ายปลีกแบบรวมภาษีแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นรถยนต์ในระดับราคาที่เป็นตลาดใหญ่ของประเทศ

ภายนอกเด่นที่ตัวถังสีทูโทนและออพชั่นครบครัน

นิสสันระบุว่าโน๊ต ออร่า คือการออกแบบรถยนต์ให้มีความสวยงามเหนือกว่ามาตรฐานของรถยนต์คอมแพคท์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เหนือชั้นของผู้บริโภค โดยมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงหลายจุดสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่นี้

กระจังหน้าออกมาแบบมาอย่างสวยงาม โฉบเฉี่ยว ต่อเนื่องกับเส้นหลังคาที่ออกแบบบมาอย่างลงตัว ด้านท้ายของรถถูกออกแบบให้กว้างออก พร้อมปรับปรุงในส่วนของกันชนท้ายเพื่อช่วยให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง เพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้น

ชุดไฟทั้งหมดของรถเป็นแอลอีดีที่มีความสวยงามและส่องสว่าง โดยเฉพาะด้านท้ายที่ให้ความรู้สึกที่ล้ำสมัยแบบไม่เหมือนใคร แน่นอนว่ากระจังหน้าแบบวี-โมชั่นก็ถูกล้อมรอบด้วยชุดไฟหน้าแบบแอลอีดี และไฟเลี้ยวแบบเคลื่อนไหว

กรอบโคมไฟหน้าถูกออกแบบให้มีความพรีเมียมด้วยรูปทรงที่เพรียวบาง และมาพร้อมอแดฟทีฟ แอลอีดี ที่ทำให้รถมีคุณภาพและเพิ่มความหลากหลายในการใช้งาน ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมความสวยงามและการลดแรงต้านลม

เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้า นิสสัน โน๊ต ออร่า มาพร้อมทางเลือกของสีตัวถังมากถึง 14 โทรสี โดยมีตัวถังแบบทูโทนให้เลือก 5 แบบ และแน่นอนว่าสีทูโทนที่เป็นตัวขาย ก็คือตัวถังสีแดงตัวหลังคาดำและตัวถังสีดำตัดหลังคาสีทองแดงนั่นเอง

ห้องโดยสารที่เลือกได้ว่าชอบแบบผ้าหรือแบบหนัง

รถรุ่นนี้มาพร้อมห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบเพื่อความสบายอย่างสูงสุดในการขับขี่ และมาพร้อมทางเลือก 2 รูปแบบ ประกอบไปด้วยห้องโดยสารที่เป็นส่วนผสมของหนังและผ้าอย่างลงตัว หรือไม่ก็เป็นหนังคุณภาพสูงตลอดคัน

มาพร้อมแผงควบคุมและคอนโซลด้านหน้าแบบต่ำ ตกแต่งด้วยลายไม้ที่ตำแหน่งที่มือสัมผัสได้เกือบทั้งคัน พร้อมเพิ่มความสบายด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ลดเสียงรบกวนที่หลังคา ประตู และกระจกหน้าก็เป็นแบบช่วยลดเสียงรบกวนด้วย

เครื่องเสียงในรถเป็นผลงานการทำงานร่วมกับ Bose1 ในการสร้างคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมในการเดินทาง และมีออพชั่นติดตั้งลำโพงส่วนตัวที่จะอยู่ที่ตำแหน่งหมอนรองศีรษะด้านหน้า เพื่อสร้างความบันเทิงส่วนตัวได้อีกน่าประทับใจ

มีโอกาสเข้าไทยไหมนะ

เอาจริง ๆ ก็คงไม่สามารถตัดโอกาสที่รถคันนี้จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยไปได้ เพราะรถที่มีอายุการทำงานขนาดนี้ในโฉมปัจจุบัน แล้วยังทำยอดขายได้ระดับนี้ ก็ถือเป็นสินค้าที่ไม่ธรรมดาเหมือนกันสำหรับนิสสันในประเทศไทย

คำถามก็คือ หากนิสสันจะนำโน๊ตรุ่นล่าสุดเข้ามาทำตลาดนั้น พวกเขาจะเดินหน้าต่อด้วยเครื่องยนต์อี-พาวเวอร์แบบในญี่ปุ่น หรือจะโมดิฟายกลับเข้าโครงการอีโคคาร์ เฟสสองอีกครั้ง ด้วยเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ก็ถือว่าไม่เลวนะ

ตลาดแฮชท์แบ็ค อีโคคาร์ แม้จะมีคู่แข่งเยอะและมีผู้นำตลาดอย่างชัดเจน แต่เชื่อว่าหากนิสสันเอาคันนี้เข้ามาร่วมแจม โอกาสที่จะเข้าไปฟาดฟันกับผู้นำในปัจจุบันก็เป็นไปได้ เหมือนที่ Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) ทำได้อยู่นั่นล่ะ!!!