Mercedes-Benz ได้รับการอนุมัติสำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 จาก Federal Motor Transport Authorityในเยอรมนี เหนือกว่า BMW, Audi และ Tesla ด้วย แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
- เบนซ์ได้ถูกรับรองระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3
- ยี่ห้ออื่นมีมาก่อน แต่ยังไม่ได้ถูกรับรอง
- พร้อมให้บริการ Robo-chauffeur ตั้งแต่กลางปีหน้า
- ทำงานด้วย LIDAR และกล้องประสิทธิภาพสูง
- ละเอียดกว่าเทสล่า
ฟังก์ชั่นที่ยี่ห้ออื่นยังไม่ได้ถูกรับรอง
Mercedes-Benz (เมอเซเดส-เบนซ์) ใช้ "Drive Pilot" บนออโต้บาห์นของเยอรมันและทำให้การขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 เป็นไปได้ที่ความเร็วสูงถึง 60 กม. / ชม. ทำให้ Mercedes เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ได้รับอนุญาตให้รวมฟังก์ชันนี้ในรถยนต์ของตน
ก่อนหน้านี่ Audi A8 ได้นำเสนอระบบที่คล้ายกันเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ แม้แต่กับ BMW 7-series ก็ยังผลักดันแต่ยังไม่สำเร็จ ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าทั้ง 2 ค่ายนั้นติดปัญหาอะไร แต่แผนอันทะเยอทะยานนี้ ยังต้องพัฒนาอีกยาวไกล
การขับขี่ระดับ 3 นั้นมีความรับผิดชอบมาก
นี่เป็นก้าวสำคัญสู่การขับขี่แบบอัตโนมัติ เนื่องจากการขับขี่อัตโนมัติระดับ 2+ ซึ่งรถยนต์จำนวนมากสามารถทำได้ในขณะนี้ เมื่อเปลี่ยนจาก 2 เป็นระดับ 3 นั้นมีความแตกต่างมาก เพราะมันสามารถให้คนขับปล่อยมือและละสายตาได้ชั่วขณะ
ความรับผิดชอบหากเกิดอุบัติเหตุ คนขับก็จะโทษเทคโนโลยีนี้ ซึ่งมีผลทางกฎหมายตามมามากมาย ดังนั้นรถยนต์ขับอัตโนมัติ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ผลิตรถยนต์ออกตัวไว้เลยว่า จะไม่รับผิดชอบต่อคนขับด้วยเช่นกัน
เตรียมให้บริการปีหน้า
เบนซ์ยืนยันว่าระบบนี้จะเริ่มต้นใช้กับรุ่น S-Class ซึ่งจะพร้อมให้บริการ Robo-chauffeur ตั้งแต่กลางปีหน้า จากนั้นภายใน 2-3 เดือนต่อมาจะใส่ใน EQS เรือธงไฟฟ้ากำลังจะมา อย่างไรก็ตามเจ้าของ S-Class ปัจจุบันกำลังมองหาระบบนี้อยู่ อาจจะหาซื้อมาใส่เพิ่มไม่ได้ เนื่องจากความซับซ้อนทางเทคนิคสูง ระบบจึงไม่สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ แต่ในอนาคตอาจเป็นไปได้ในทางเทคนิค
หลักการทำงาน
ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 ของเบนซ์ จะเป็นตัวพลิกเกม อย่างน้อยบน autobahn เพื่อให้ระบบทำงานได้ ต้องพัฒนาหน่วย LIDAR ใหม่และกล้องประสิทธิภาพสูงใหม่ร่วมกับซัพพลายเออร์ โดยมีวิศวกรของ Mercedes-Benz เขียนซอฟต์แวร์เอง แน่นอนว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะถ้าปลอยให้ระบบขับด้วยเซนเซอร์เอง รถจะถูกขับคดไปคดมา ดังนั้น S-Class จึงใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อยในการทดสอบหลายกิโลเมตรเพื่อให้ระบบเสถียรก่อน
เทสลายังเป็นผู้นำอยู่จริงหรือ?
เจ้าของกิจการเทสลาอย่าง Elon Musk เคยให้ความเห็นกับ New York Times ว่าระบบที่ใช้กล้องนั้นเพียงพอที่จะทำให้ดัดแปลงเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่วิศวกร Mercedes-Benz พึ่งพาเซ็นเซอร์กล้องและเรดาร์ทั้งหมดเพราะค่ายตราดาวอ้างว่า “ความซ้ำซ้อนเป็นสิ่งสำคัญ” อย่างน้อยสองระบบจะต้องทำงานและติดตามการรับส่งข้อมูลเสมอ หากไม่เป็นเช่นนั้น คนขับจะต้องรับคำสั่งอีกครั้ง
ได้รับการอนุมัติแบบมีเงื่อนไข
Daimler AG นอกจากกล้องแล้ว "Drive Pilot" จาก Mercedes ยังต้องการเซ็นเซอร์ Lidar ด้วย เพื่อรับรองความรับผิดชอบ ทุกการขับขี่จะถูกบันทึกไว้และระบบจะต้องทันสมัยอยู่เสมอ ดังนั้น นอกเหนือจากระเบียบของ UN ฉบับที่ 157 แล้วยังมีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการอัพเดตซอฟต์แวร์ ก็ถูกรวมเข้ากับการพัฒนาด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่ารถมีข้อมูลล่าสุดเสมอ และข้อมูลมีความปลอดภัย ซึ่งอย่างหลังมีความสำคัญ
Mercedes-Benz กำลังดำเนินการในส่วนเสริมถัดไปของระบบ Drive Pilot มีแผนทำงานที่ความเร็วสูงสุด 130 กม. /ชม. และให้การเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่มีเวลาเล่นฟังก์ชันที่หลากหลายใน S-Class ที่กำลังรอเปิดใช้งานใหม่อีก
หลังจากได้รับอนุมัติในเยอรมัน Mercedes-Benz จะเปิดตัวระบบในสหรัฐอเมริกาและจีน แต่กฎระเบียบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัดหรือในเมืองใหญ่ ซึ่งทำให้การอนุมัติล่าช้า ในทางเทคนิคแล้ว การนำหุ่นยนต์ขับรถไปตลาดประเทศอื่นนั้นไม่มีปัญหา ตราบเท่าที่กรอบกฎหมายถูกต้อง แต่คำถามก็คือตลาดประเทศอื่น ๆ มีความต้องการเพียงใด?