แม้ว่า 2021 Mercedes-Benz S-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส) ที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยสนนราคา 6-7 ล้านบาท จะถือว่าเป็นหนึ่งในรถซาลูนที่มีความหรูหราที่สุดคันหนึ่งที่สามารถจับต้องกันได้ แต่หลาย ๆ คนก็อาจจะมองว่ามันยังไม่เพียงพอเท่าไหร่
ถ้าในชีวิตจริงคุณเป็นคนที่มีอันตรายรอบด้าน มีความเสี่ยงภัยมากกว่ามนุษย์ปกติ ที่ต้องการรถยนต์ที่สามารถปกป้องชีวิตของคุณจากกระสุนปืน ระเบิดหรืออาวุธเคมีได้ แน่นอนว่าเมื่อก่อนคุณต้องเอารถไปติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ นานาเพิ่มขึ้นเต็มไปหมด
แต่ในปัจจุบัน ค่ายรถยนต์ตราดาวมองว่ากลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีศักยภาพ และไม่จำเป็นที่จะต้องเสียลูกค้าไปให้กับบริษัทผู้ผลิตชุดเกราะนี่นา ก็เลยจับมือพันธมิตรในการพัฒนารถยนต์ซาลูนที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและมีความทนทานแข็งแกร่งไปพร้อม ๆ กัน
S 680 GUARD 4MATIC (เอส 680 การ์ด 4เมติก) คือชื่ออย่างเป็นทางการของรถยนต์กันกระสุนที่พัฒนามาบนพื้นฐานของเอส-คลาสใหม่ แต่ติดตั้งอุปกรณ์เข้าไปอย่างเต็มพิกัด สำหรับกลุ่มลูกค้าพิเศษที่มีความต้องการที่แตกต่างจากการใช้งานทั่วไป
สนนราคาค่าตัวก่อนภาษีในประเทศเยอรมนีจะอยู่ที่ 457,100 ยูโร (ประมาณ 17.9 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าไม่แพงหรอกสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชีวิตมีค่ามากกว่านี้ แต่การติดตั้งอุปกรณ์เข้าไปก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน มาชมกันว่ารถคันนี้น่าใช้งานขนาดไหนอย่างไรบ้าง
ตัวถังแบบเอส-คลาสที่พัฒนาไปอีกระดับ
แน่นอนว่าการพัฒนารถคันนี้นั้นอยู่บนซาลูนพี่ใหญ่ของค่าย แต่พวกเขาได้ทำการออกแบบและพัฒนาเพื่อให้รถคันนี้มีมาตรฐานที่เหนือกว่าไปอีกขั้น โดยโครงสร้างตัวถังแบบอลูมิเนียมได้รับการออกแบบเพื่อรองรับและสนับสนุนการทำงานของระบบต่าง ๆ
ระบบมาตรฐานความปลอดภัยระดับ VR10 ทำให้มีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเข้ามาหลายรายการ แต่ยังเน้นการใช้งานที่สะดวกสบาย กระจกนิรภัยอย่างหนาติดตั้งมาเพิ่มความปลอดภัยของผู้โดยสาร เคลือบภายในด้วยโพลีคาร์บอเนตสำหรับการปกป้องที่เหนือชั้น
ห้องโดยสารมาพร้อมกับความสะดวกสบายอย่างเหนือชั้นที่ได้รับมาจากเอส-คลาส โดยระบบอำนวยความสะดวกถูกนำมาใช้งานอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น MBUX ถุงลมนิรภัยคู่หลัง แต่ซันรูฟแบบเลื่อนเปิดได้ถูกถอดออกไปด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
เมอร์เซเดส-เบนซ์ระบุว่าในการพัฒนารถคันนี้ พวกเขาทำการออกแบบและคำนึงถึงการใช้งานจริงอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ผ่านมาตรฐานด้านการปกป้องผู้โดยสารสูงสุด รถคันนี้จึงไม่ใช่แค่เอส-คลาสที่นำมาติดตั้งเกราะป้องกันภัยเพิ่มขึ้นแต่เพียงเท่านั้น
ซึ่งนั้นก็ทำให้เอส 680 การ์ด ที่พัฒนามาจากเวอร์ชั่นฐานล้อยาวคันนี้ ผ่านมาตรฐานและได้รับการรับรองจาก VPAM ว่าสามารถป้องกันการถูกถล่มด้วยกระสุนหรือระเบิดได้อย่างแน่นอน ลูกค้าที่ซื้อคันนี้ไปสามารถวางใจเรื่องความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง
ความพิเศษของรถคันนี้มีอะไรบ้าง
นอกจากการพัฒนาโครงสร้างตัวถังใหม่ให้มีความยืนหยุ่นแต่แข็งแกร่ง พร้อมติดตั้งระบบที่จะรองรับการใช้งานของผู้โดยสารทั้งคันแล้ว ตัวรถมาพร้อมอุปกรณ์ที่ช่วยให้การใช้งานเป็นไปได้อย่างราบรื่น เช่น การเลือกติดตั้งยาง Michelin PAX แบบรันแฟลต
ยางรุ่นนี้มีโครงสร้างของยางที่แข็งแรง และสามารถขับต่อไปได้อีก 30 กิโลเมตร แม้ยางจะระเบิดแล้วก็ตามที กระจกหน้าต่างนั้นมีความหนาถึง 10 เซนติเมตร ทำงานด้วยระบบไฮดรอลิก ที่สามารถควบคุมได้แม้ระบบไฟฟ้าหลักจะเสียหายไปแล้วก็ตาม
ติดตั้งถังดับเพลิงมาให้ในตัวรถ หรือกรณีที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะรถคันนี้ติดตั้งระบบถังออกซิเจนแบบบิวท์อินมาให้เสร็จสรรพ พร้อมด้วยระบบหมุนเวียนอากาศสะอาดแบบฉุกเฉิน ที่ทำให้ผู้โดยสารหายใจได้อย่างสะดวก
ทางค่ายระบุว่ารถคันนี้มีความสามารถในการป้องกันกระสุนไรเฟิลได้สบาย ๆ ด้วยกระจกแบบหลายชั้นซ้อนกัน ขณะเดียวกัน ก็สามารถทนแรงระเบิดทีเอ็นทีได้มากถึง 15 กิโลกรัมในระยะ 2 เมตร พร้อมรับแรงระเบิดมือพร้อมกัน 2 ลูกบนหลังคาได้สบาย ๆ
การทดสอบนั้นทำด้วยหุ่นดัมมี่ที่มีโครงสร้างกระดูกและผิวหนังใกล้เคียงมนุษย์ เจ้าของรถสามารถเลือกได้ว่าจะต้องการรถคันนี้ในแบบ 4 หรือ 5 ที่นั่ง และเลือกออพชั่นเพิ่มเติมได้ เช่น การติดตั้งตู้เย็นสำหรับแช่เครื่องดื่ม และจะต้องรอเวลาประกอบ 51 วัน
ขุมพลังเน้นการขับเคลื่อน ไม่ซิ่ง ไม่สะอาดและไม่ประหยัด
ด้วยน้ำหนักตัวรถที่มากกว่า 4 ตัน ทำให้ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ต้องคิดเรื่องการเลือกใช้งานเครื่องยนต์ให้เหมาะสม และพวกเขาก็หยิบเครื่องยนต์ M279 แบบวี 12 มาติดตั้งให้กับรถคันนี้่ โดยเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 612 แรงม้า พร้อมแรงบิด 830 นิวตันเมตร
มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ปรับแต่งพวงมาลัยและระบบส่งกำลังใหม่ทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องกับน้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นมา โดยแม้จะใช้เครื่องยนต์ 6.0 ลิตรก็ตาม แต่รถคันนี้ก็วิ่งเร็วมากไม่ได้ และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดราว 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อย่าได้ถามหาความประหยัดหรือการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากรถคันนี้ เพราะรถคันนี้กินน้ำมันเฉลี่ยที่ 5.13 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมปล่อยไอเสียสูงถึง 442 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของรถที่ซื้อรถคันนี้ไปใช้ก็คงไม่สนใจอะไรแนว ๆ นี้อยู่แล้วล่ะ
แต่ถ้าพวกเรา ๆ 2021 Mercedes-Benz S 350 d AMG Premium คันละ 7.19 ล้านบาทก็พอแล้ว...