ตำแหน่งของการวางเครื่องยนต์ แม้หลายคนจะบอกว่าไม่สำคัญ เป็นเรื่องที่ซับซ้อน วางไว้ตรงไหนก็ได้
แต่จริง ๆ แล้วการวางเครื่องยนต์ไว้ในแต่ละตำแหน่งนั้นมีข้อดีที่แตกต่างกันไป แล้วทำไมเครื่องวางหน้าถึงพบเห็นได้มากที่สุด เราสรุปมาให้
ตำแหน่งของการวางเครื่องยนต์ แม้หลายคนจะบอกว่าไม่สำคัญ เป็นเรื่องที่ซับซ้อน วางไว้ตรงไหนก็ได้
แต่จริง ๆ แล้วการวางเครื่องยนต์ไว้ในแต่ละตำแหน่งนั้นมีข้อดีที่แตกต่างกันไป แล้วทำไมเครื่องวางหน้าถึงพบเห็นได้มากที่สุด เราสรุปมาให้
ในอดีตช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ธุรกิจรถยนต์ได้เฟื่องฟูขึ้นมา นำโดย Volkswagen Beetle รถเครื่องวางหลัง ขับเคลื่อนล้อหลังที่ทำยอดขายได้มหาศาล
ทำให้หลายคนคิดว่าเครื่องวางหลังนั้นคือสูตรที่ทำให้รถขายได้ จึงทำให้เกือบทุกค่ายในยุคนั้น สร้ารถแบบเครื่องวางหลับ ขับหลังออกมาเต็มไปหมด
โดยมีข้อดีที่ทำให้ขับขี่สนุก มีพื้นที่ที่สามารถจัดสรรห้องโดยสารด้านท้ายได้กว้าง
แต่ข้อเสียคือ ขับขี่ค่อนข้างยาก การเข้าโค้งต่าง ๆ ทำได้ไม่ดีนัก เพราะด้านหน้าน้ำหนักเบามาก เครื่องยนต์มาถ่วงไว้ด้านท้ายหมด ทำให้เกิดอาการท้ายปัด การเบรก และเข้าโค้งจึงต้องทำอย่างระมัดระวัง
ทางวิศวกรที่ออกแบบก็ให้ความเห็นว่า การวางเครื่องไว้ตำแหน่งนี้จะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงได้มาก รถเคลื่อนทีได้เร็วขึ้น แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปมากแล้ว โดยปรับให้รถมีขนาดเล็กลง ใส่ยางหลังที่ใหญ่กว่าด้านหน้า
โดยปัจจุบันรถเพียงคันเดียวที่ยังมีการวางเครื่องยนต์หลัง ขับหลังจะมีแค่ Porsche 911 (ปอร์เช่ 911)
ตามหลักวิศวกรรม การนำเครื่องที่มีน้ำหนักมากไปวางไว้ที่ตรงกลางของรถ จะช่วยให้เกิดความสมดุล และกระจายน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ไม่หนักไปด้านใดด้านนึง ทำให้รถประเภทนี้มักจะเป็นรถประสิทธิภาพสูง รถซูเปอร์คาร์ ที่มีเบาะนั่ง 2 ที่นั่ง โดยตัวเครื่องยนต์จะวางอยู่ด้านหน้าเพลาขับด้านหลังและอยู่ใกล้กับผนังของห้องโดยสาร
แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้มี Koenigsegg Gemera รถไฮเปอร์คาร์เครื่องวางกลาง 4 ที่นั่งคันแรกของโลกเปิดตัวออกมาเมื่อไม่นานมานี้
อ่านเพิ่มเติม Koenigsegg Gemera ไฮบริดสุดปัง พลัง 1,700 แรงม้า ราคากว่า 100 ล้านบาท
ข้อเสียของเครื่องวางกลาง คือควบคุมยากเนื่องจากพวงมาลัยเลี้ยวไปตามมือเร็วเกินไป และยังมีกรณีเบรกแล้วหน้าทิ่ม เนื่องจากไม่มีอะไรถ่วงที่ด้านหน้า ประเภทนี้มักพบได้ในรถความเร็วสูงที่ต้องการบาลานซ์ที่ดี
มีอีกชื่อเรียกว่า Longitudinal Mid Engine พบได้ใน Ferrari (เฟอร์รารี่) Lamborghini (ลัมบอร์กินี่) และ McLaren (แมคลาเรน) รวมถึงค่ายอยู่ปุ่นอย่าง Honda NSX (ฮอนด้า เอ็นเอสเอกซ์) และ Toyota MR2 (โตโยต้า เอ็มอาร์2)
เครื่องวางหน้าสามารถพบได้ในรถทั่ว เนื่องจากง่ายต่อการออกแบบอีกทั้งยังเอื้อต่อการจัดสรรพื้นที่ภายในตัวรถ ที่มากพอจะทำให้บรรจุผู้โดยสาร 4-5 ที่นั่งได้ โดยมีการวางให้ขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งมีข้อดีทั้งรถปลอดภัยขึ้น ต้นทุนการผลิตถูกลง และออกแบบให้ภายในกว้างขึ้นได้
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งวางตามแนวขวาง ที่เห็นได้ทั่วไปในรถญี่ปุ่นเป็นรูปแบบที่เราคุ้นเคย และวางตามยาวมักพบได้ในรถยุโรป
ทั้งนี้ยังมีการวางเครื่องไว้ด้านหน้า แต่ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่จะช่วยให้ส่งกำลังได้ดีขึ้น มีความสมดุล พบได้ทั่วไปอย่างเช่นใน Ford Mustang (ฟอร์ด มัสแตง)
ส่วนข้อเสียก็มี ในรุ่นที่ไม่มี LSD จะมีอาการหน้าดึงหรือ Torque Steer เกิดจากการกดคันเร่งหนัก ๆ และจากการที่ชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อน ทั้งเครื่องยนต์ เพลาขับ และเกียร์วางอยู่ด้านหน้า ทำให้ล้อหน้าต้องรับน้ำหนักมาก และในการเข้าโค้งแรง ๆ มักจะมีอาการเลี้ยวไม่เข้า (Understeer) เกิดขึ้นได้
สิ่งที่ทำให้รถขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถลดต้นทุนในเรื่องของชิ้นส่วน เพราะระบบขับเคลื่อนทั้งหมดถูกรวมเอาไว้ที่ล้อหน้า ไม่ต้องมีเพลากลางต่อไปที่ล้อหลังเหมือนกับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง
ยกเว้นใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และจากการที่ไม่มีเพลากลางทำให้อาการสูญเสียกำลังน้อยกว่า เพราะการถ่ายทอดกำลังหลายต่อมีน้อยกว่ารถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้ออกตัวได้ดี มีน้ำหนักเบา
นอกจากนี้ ยังทำการซ่อมแซมและดูแลได้ง่ายกว่า ไม่ซับซ้อน ปรับจูนง่าย สามารถให้พื้นที่โดยสารที่กว้างกว่าได้