2022 Volvo C40 Recharge (2022 วอลโว่ ซี40 รีชาร์จ) รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ว มาพร้อมตัวถังแบบเอสยูวีขนาดเล็ก เตรียมออกจำหน่ายภายในปีหน้า

ก่อนหน้านี้ Volvo เพิ่งประกาศเป้าหมายว่าจะยกเลิกการจัดจำหน่ายรถเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลภายในปี 2030 เพื่อที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ล่าสุดค่ายรถยักษ์ใหญ่จากสวีเดนเผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ประเดิมเส้นทางสู่เป้าหมายดังกล่าว

2022 C40 Recharge เป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Volvo ที่มีเฉพาะระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และจะจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นก้าวแรกของการเข้าสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง

เราไปชมกันว่ารถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ก่อนที่จะถึงกำหนดการขึ้นสายการผลิตที่โรงงาน Volvo ในเมืองเกนต์ ประเทศเบลเยี่ยมในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

1. รูปลักษณ์หล่อเหลาและปราดเปรียว

C40 Recharge มาพร้อมตัวถังแบบรถเอสยูวี-คูเป้ พัฒนาบนแพลตฟอร์ม CMA เหมือนกับรุ่น XC40 Recharge (วอลโว่ เอ็กซ์ซี40 รีชาร์จ) แต่มีความสปอร์ตปราดเปรียวกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ด้านหน้ามีกระจังแบบปิดทึบ ประทับตรงกลางด้วยตราสัญลักษณ์ Volvo ขนาดใหญ่ ไฟหน้าเป็นแบบ pixel technology มีไซส์กำลังพอเหมาะพร้อมเดย์ไลท์รูปตัว T อันเป็นเอกลักษณ์ ไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมแนวนอนซึ่งแตกต่างจาก XC40 ที่ใช้ทรงกลมมน แผงหลังคาเป็นพาโนรามิกสีดำตัดกับสีตัวรถ

ไฮไลท์ของรูปลักษณ์ภายนอกยังรวมถึงแนวหลังคาที่โค้งเทลาดลงไปถึงบั้นท้ายซึ่งมีองศาสวยสดงดงาม เสริมลุคความโฉบเฉี่ยวอย่างเต็มตา

2. แบตเตอรี่ขนาดใหญ่วิ่งได้ไกลหายห่วง

C40 Recharge ติดตั้งชุดแบตเตอรี่ขนาด 78 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่สามารถโลดแล่นระยะทางสูงสุด 420 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งถือว่าวิ่งได้ไกลมากที่สุดรุ่นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าระดับเดียวกัน ขณะที่ XC40 Recharge สามารถวิ่งได้เพียง 335 กม. เท่านั้น

3. พละกำลังแรงเหนือชั้น

เห็นคันเล็ก ๆ แบบนี้ แต่หัวใจขับเคลื่อนทรงพลังเกินตัว Volvo ติดตั้งมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีพละกำลังสูงสุด 402 แรงม้าหรือ 300 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-96 กม.ต่อชม. ทำได้ในเวลาเพียง 4.7 วินาที ท็อปสปีดทำได้ที่ 180 กม.ต่อชม. ซึ่งเป็นสเปกเดียวกับ XC40 Recharge นั่นเอง

4. ชาร์จเร็ว พร้อมการอัพเดทไร้สาย

เมื่อแบตเตอรี่หมดกำลังไฟ ผู้ขับขี่สามารถชาร์จด้วยระบบไฟปกติ 11 กิโลวัตต์ให้เต็มภายในเวลา 8 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้การชาร์จด่วน 150 กิโลวัตต์จะสามารถเติมไฟเข้าแบตเตอรี่ถึงระดับ 80% ได้ในเวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น

ภายในห้องโดยสารมีระบบอินโฟเทนเมนท์ที่ทาง Volvo ระบุว่าดีที่สุดในระดับเดียวกันอันเกิดจากการพัฒนาร่วมกับ Google รองรับการเชื่อมต่อการใช้งานต่าง ๆ ของระบบปฏิบัติการ Android อาทิ Google Maps, Google Assistant และ Google Play Store เป็นต้น

Volvo ประกาศด้วยว่าจะมีการอัพเดทซอฟต์แวร์แบบไร้สาย OTA อย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับระยะทางขับขี่ให้ไกลยิ่งขึ้น และเพิ่มฟังก์ชั่นใช้งานในอนาคต