2021 Mercedes-Benz CLS 220d AMG Premium (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส) คือรหัสใหม่ล่าสุดของรถยนต์ซีดานหลังคาลาดจากค่ายรถยนต์ตราดาว ที่เป็นรุ่นประกอบในประเทศ และมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์มากมายหลายรายการในรถคันนี้
ด้วยราคาจำหน่าย 4.329 ล้านบาท ถูกลงกว่าตอนที่เป็นรหัส CLS 300d อยู่ 1.2 แสนบาท ทำให้หลาย ๆ คนเกิดคำถามว่ารถคันนี้มีอุปกรณ์ใดที่หายไปบ้าง หัวใจของการขับเคลื่อนเปลี่ยนไปหรือไม่ และรถคันนี้ยังมีความน่าใช้งานอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่าบนท้องถนน
AutoFun Thailand พาชมรถยนต์คันนี้โดยละเอียด พร้อมทั้งสรุปภาพรวมการเปลี่ยนแปลงของรถ ในเรื่องของรูปลักษณ์ อุปกรณ์ และการขับขี่ที่เปลี่ยนไป แต่อย่างไร ก็ยังถือเป็นรถทรงสปอร์ตซีดานที่น่าใช้งานคันหนึ่ง ที่มาพร้อมราคาที่จับต้องได้ง่านขึ้นเช่นกัน
ไฮไลท์การเปลี่ยนแปลงของ Mercedes-Benz CLS200 d
- เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร
- กำลังสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร
- เพิ่มระบบมัลติมีเดียและอุปกรณ์ MBUX
- ตัดอุปกรณ์ภายในและภายนอกจากรุ่นเดิมหลายรายการ
- ราคาจำหน่ายที่ถูกลง 1.2 แสนบาทจากรุ่นเดิม
ภายนอกเหมือนเดิมเกือบทั้งหมด
หากมองแต่ภาพลักษณ์ภายนอกของรถนั้น ต้องบอกว่าแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรถรุ่นเดิมเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นแต่จะตาไวและละเอียดพอก็จะพบว่ามีการตัดจานเบรกแบบเจาะรูที่ช่วยระบายความร้อนออกไปเพียงเท่านั้น สำหรับการเปลี่ยนแปลงภายนอก
นอกจากนี้ ก็ยังมีการยกเลิกสีตัวถังอย่างสีเงินออกไป เหลือสีตัวถังให้เลือก 3 สีเท่านั้น ได้แก่ สีขาว สีดำและสีเทา มาพร้อมล้ออัลลอยจากเอเอ็มจี ลายก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลต ไฟหน้ามัลติบีมแอลอีดี ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่ 3 แบบแอลอีดี
ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ กระจังหน้าแบบไดมอนต์กริลล์ พร้อมช่องรับอากาศเข้าเครื่องยนต์แบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ชุดตกแต่งรอบคันจากเอเอ็มจี มาพร้อมระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ ให้ความหรูหราและสปอร์ตไปพร้อม ๆ กัน
มิติตัวถัง Mercedes-Benz CLS |
กว้าง |
1,890 มิลลิเมตร |
ยาว |
4,988 มิลลิเมตร |
สูง |
1,435 มิลลิเมตร |
ระยะฐานล้อ |
2,939 มิลลิเมตร |
ห้องเก็บสัมภาระ |
520 ลิตร |
ภายในเพิ่มลดอุปกรณ์หลายรายการ น่าใช้งานขึ้น
ห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายสิ่ง โดยเฉพาะที่แผงคอนโซลหน้า ที่มาพร้อมการติดตั้งระบบมัลติมีเดีย MBUX รุ่นใหม่ ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียง และระบบเชื่อมต่อเมอร์เซเดส มี และระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย
มาพร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อเปิดระบบปรับอากาศ ติดตั้งทัชแพดรูปแบบใหม่ พร้อมติดตั้งระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับเบาะนั่งตอนหลัง ขณะที่สิ่งที่หายไปคือตาข่ายเก็บเอกสาร ปุ่มควบคุมการปรับเบาะนั่งจากฝั่งคนขับ และนาฬิกาแบบอะนาล็อกตรงกลางคอนโซล
อย่างไรก็ตาม ภายในห้องโดยสารก็ยังเต็มไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย จอแสดงเฮดอัพดิสเพลย์ หน้าจอแสดงผล 12.3 นิ้ว 2 จอ ระบบนำทางพร้อมแผนที่ 3 มิติ พร้อมระบบเสียงจากเบอร์เมสเตอร์ และมาพร้อมไฟสร้างบรรยากาศในรถ 64 สี
ลดขนาดเครื่องยนต์ ปรับระบบด้านขับขี่นิดหน่อย
หัวใจของการเปลี่ยนแปลงในรถคันนี้ก็คือการเลือกใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลง ซึ่งส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่พอสมควร โดยเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 1,950 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที
การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ส่งกำลังลงสู่ล้อหลัง นอกจากสมรรถนะของรถที่ลดลงไปแล้ว ตัวรถยังมีการตัดโหมดการขับขี่สปอร์ตพลัส และตัดระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าไป แต่เพิ่มระบบเบรกอัตโนมัติมาให้ทดแทนในรถคันนี้
ความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญของรถ ด้วยถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด
รายละเอียดทางเทคนิค |
เครื่องยนต์ |
ดีเซล เทอร์โบ |
ความจุ |
1,950 ซีซี. |
กำลังสูงสุด |
190 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด |
400 นิวตันเมตร |
ระบบส่งกำลัง |
อัตโนมัติ 9 จังหวะ |
สมรรถนะลดลงไป แต่ยังไหวกับการใช้งานบนถนน
ถ้าไม่เคยลองรถคันนี้สมัยที่เป็นรหัส CLS 300d มาก่อน ก็อาจจะรู้สึกว่ารถมีการตอบสนองที่ดีอยู่แล้ว แต่หากเคยลองขับรุ่นเดิม ก็จะจับอาการของรถได้ทันทีว่าการตอบสนองต่อคันเร่งนั้นลดลงไปพอสมควร รวมไปถึงการทำความเร็วและการเร่งแซงบนท้องถนนที่ต้องใช้เวลามากขึ้น
อุปกรณ์ที่ให้เพิ่มมาในรถนั้นมีความคุ้มค่ามากขึ้น เพราะเท่ากับเราได้อุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดของรถยนต์ในเซกเมนต์นี้ในปัจจุบัน แต่จ่ายเงินลดลงไปจากเดิมแสนกว่าบาท และระบบอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ให้มาก็ถือว่าสามารถใช้งานได้ดี และรองรับกับไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
ด้านหลังอาจจะมีพื้นที่ด้านบนที่ลดลงในแบบของรถคูเป้ ช่วงล่างนั้นมีอาการสะเทือนอยู่นิด ๆ จากการใช้ยางรันแฟลตและตำแหน่งการนั่งที่ค่อนข้างต่ำ แต่ภาพลักษณ์ของรถที่โดดเด่น ก็ทำให้คุณดูเด่นอยู่ดี เมื่อยามขับรถคันนี้ไปตามท้องถนนไม่ว่าจะในเมืองหรือต่างจังหวัด
ถ้าเครื่องไม่สะใจ ไปลองเวอร์ชั่นเอเอ็มจี ที่ราคาแพงกว่านี้เอาเรื่องดูก็ได้นะ...